ในขณะที่คุณใช้เงินและเวลามากมายไปกับการบำรุงผิวหน้าจนละเลยการดูแลเท้า จึงเป็นเหตุทำให้เท้าของคุณแตกเพราะขาดการบำรุง
ปัญหาส้นแตกพบได้บ่อยเนื่องจากเป็นอวัยวะที่ใช้เดินตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มีผิวที่แห้ง อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น และการขาดการบำรุง
หากคุณอยากมีเท้าที่สวยงาม ใส่รองเท้าคู่ไหนก็สวย เรามีวิธีง่ายๆที่หาได้จากในครัว ที่สามารถช่วยให้เท้าของคุณกลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้ง ..
1. น้ำยาบ้วนปาก & น้ำส้มสายชู
วิธีทำ:
1. เตรียมส่วนผสม น้ำยาบ้วนปาก 1 ถ้วย น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย และน้ำเปล่า 2 ถ้วยเข้าด้วยกัน
2. แช่เท้าของคุณในส่วนผสมเป็นเวลา 15 นาที
3. ขัดเท้าด้วยหินพัมมิซเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออก
4. ล้างเท้าด้วน้ำสะอาด
5. ทิ้งไว้ให้แห้งและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เท้า
ความถี่ในการทำ: ทำซ้ำๆจนกว่าเท้าจะหายแตก
การออกฤทธิ์: Listerine มี thymol และแอลกอฮอล์ ซึ่งช่วยในการต่อสู้กับเชื้อรา เล็บเท้า ช่วยรักษาเท้าแตก ผิวเหี่ยวย่นแ ละรักษาหูดฝ้า กรดอ่อน ๆ ที่อยู่ในน้ำส้มสายชูทำให้ผิวแห้งกร้านมีความนุ่มขึ้น
2. แป้งสาลี , น้ำผึ้ง , น้ำส้มสายชู
วิธีทำ:
1. นำแป้งสาลี 3 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และน้ำส้มสายชู 2-3 หยด มาผสมให้เข้ากัน
2. แช่เท้าไว้ในน้ำอุ่นประมาณ 10 นาที และเริ่มทำการสครับผิวที่แห้งกร้านให้หมดไป
ความถี่ในการทำ: ทำซ้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
การออกฤทธิ์: แป้งข้าวช่วยผลัดเซลล์ผิว น้ำผึ้งเป็นสารฆ่าเชื้อธรรมชาติที่ช่วยรักษารอยแตก น้ำส้มสายชูเป็นกรดอ่อนที่ช่วยลดความแห้งกร้านและผิวที่ตายแล้ว
3. กล้วย
วิธีทำ:
1. นำกล้วยสุกสองลูกมาบดให้เข้ากัน
2. ทาให้ทั่วเท้ารวมถึงเล็บ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
3. หลังจากนั้นให้ล้างเท้าด้วยน้ำเปล่า
ความถี่ในการทำ: ทำซ้ำๆ ทุกคืนก่อนนอนจนกว่าจะพอใจผลลัพธ์
การออกฤทธิ์: กล้วยคือสารให้ความชุ่มชื้นจากธรรมชาติ ประกอบไปด้วยวิตามิน A B6 และ C ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น
4. น้ำผึ้ง
วิธีทำ:
1. ใส่น้ำผึ้งหนึ่งถ้วยลงไปในน้ำอุ่น
2. แช่เท้าที่สะอาดลงในส่วนผสม และนวดประมาณ 20 นาที
3. ขัดเท้าด้วยหินพิมมิซ
4. ทิ้งเท้าไว้ให้แห้งและทาสารบำรุงผิว
ความถี่ในการทำ: ควรทำซ้ำๆก่อนนอน
การออกฤทธิ์: น้ำผึ้งเป็นสารที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
5. น้ำมันจากพืช
วิธีทำ:
1. ล้างเท้าให้สะอาด
2. เช็ดเท้าด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง
3. ทาน้ำมันพืชให้ทั่วเท้า
4. สวมถุงเท้าแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน
ความถี่ในการทำ: ทุกวันก่อนนอน
การออกฤทธิ์: น้ำมันพืชมีวิตามิน A E D ที่่ช่วยในการบำรุงผิวและสร้างเซลล์ใหม่จะซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย
6. Vicks VapoRub
วิธีทำ:
1.ทาวิคให้ทั่วเท้าก่อนนอน
2. นวดเท้าเป็นเวลา 5 นาทีแล้วใส่ถุงเท้า
3. ล้างเท้าด้วยน้ำอุ่นในเช้าวันถัดไป
ความถี่ในการทำ: ทุกวันก่อนนอน
การออกฤทธิ์: วิกประกอบด้วยยูคาลิปตัสและเมนทอลในน้ำมันสน ที่ช่วยดักจับความชื้นและให้ความเย็น
7. ผงฟู
วิธีทำ:
1.ใส่เบคกิ้งโซกา 3 ช้อนโต๊ะในน้ำอุ่น ผสมให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
2. แช่เท้าทิ้งไว้ 15 นาที
3. ขัดเท้าด้วยหินขัดเท้า
4. ล้างเท้าให้สะอาด และเช็ดด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง
ความถี่ในการทำ: ทำซ้ำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
การออกฤทธิ์: เบคกิ้งโซดาช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สามารถต้านการอักเสบและขจัดกลิ่นเหม็นที่เท้าได้
8. เจลว่านหางจระเข้
วิธีทำ:
1. แช่เท้าในน้ำอุ่น และขัดเท้าด้วยหินขัดเท้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
2. ปล่อยให้เท้าแห้ง แล้วทาด้วยว่านหางจระเข้
3. ใส่ถุงเท้าแล้วเข้านอน
4. ล้างเท้าด้วยน้ำอุ่นในเช้าถัดไป
ความถี่ในการทำ: ทำซ้ำทุกคืนเป็นเวลา 4-5 วัน
การออกฤทธิ์: ว่านหางจระเข้มีวิตามิน A (beta-carotene), C และ E. มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและช่วยรักษาบาดแผล
9. วาสลีน & น้ำมะนาว
วิธีทำ:
1. แช่เท้าในน้ำอุ่นเป็นเวลา 20 นาทีแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
2. นำน้ำมะนาวสด 3-4 หยด เพิ่มลงไปใน วาสลีน 1 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เข้ากัน
3. ทาส่วนผสมให้ทั่วเท้า
4. สวมถุงเท้าทิ้งไว้ข้ามคืน
5. ล้างด้วยน้ำอุ่นในเช้าถัดไป
ความถี่ในการทำ: ทำบ่อยๆ ก่อนเข้านอน
การออกฤทธิ์: วาสลีนทำหน้าที่เป็น moisturizer และกรดซิตริกในน้ำมะนาวช่วยส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิวใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่
10. ดีเกลือฝรั่ง
วิธีีทำ:
1. เติมเกลือครึ่งถ้วยลงในอ่างน้ำอุ่น และคนให้เข้ากัน
2. แช่เท้าลงในอ่าง 15 นาที
3. สครับเท้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป
4. ความถี่ในการทำ: 2–3 ต่อสัปดาห์
การออกฤทธิ์: ดีเกลือช่วยลดการอักเสบและทำให้ผิวนุ่มขึ้น ซัลเฟตช่วยล้างสารพิษและโลหะหนัก และยังช่วยรรเทาอาการปวดได้
ที่มา: brightside