การเลี้ยงดูฟูมฟักของพ่อแม่จากแต่ละภูมิภาคย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ซึ่งบางถิ่นก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อ บ้างก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความถูกต้อง
อย่างเช่นการเปรียบเทียบเรื่องการเลี้ยงดูบุตรจากประเทศออสเตรเลียและอเมริกันที่นำมาฝากกันวันนี้ ดูสิว่าความเป็นผู้ปกครองของสองฝั่งจะแตกต่างเหมือนกันอย่างไร
1. Sleep School ที่ออสเตรเลีย
ที่ออสเตรเลียมีโปรแกรมที่ชื่อ “Sleep School” สนับสนุนโดยรัฐบาล ที่ซึ่งพ่อแม่จะได้เรียนรู้เทคนิคเพื่อช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับสบายตลอดคืน
2. พ่อแม่ชาวออสเตรเลียมีโอกาสได้หยุดยาว
มนุษย์ทำงานที่เป็นพ่อแม่แล้วจะได้รับโอกาสลาพักผ่อนอย่างน้อย 4 สัปดาห์ต่อปี ทำให้พวกเขาสามารถใช้เวลาอยู่กับลูกๆ ได้อย่างคุ้มค่า
3. พ่อแม่ชาวออสเตรเลียมีระเบียบหลักการน้อยกว่าชาวอเมริกัน
ผู้ปกครองชาวออสเตรเลียใช้วิธีการผ่อนปรนในการดูแลลูก และให้ความสำคัญกับความสุภาพอ่อนโยนน้อยกว่าชาวอเมริกัน ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อปฏิสัมพันธ์กับลูกๆ
4. ค่าครองชีพในออสเตรเลียสูง
ค่าครองชีพในออสเลียสูงกว่าในอเมริกาเหนือ สิ่งของทั่วไปไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า อาหาร ของใช้ประจำวันก็มักจะแพงกว่าที่อื่นๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้การเลี้ยงดูบุตรต้องติดขัดไม่สามารถอำนวยได้เต็มที่
5. เด็กชาวออสเตรเลียเรียนว่ายน้ำตั้งแต่อายุน้อยๆ
เด็กๆ ที่ออสเตรเลียมีแนวโน้มจะได้เรียนว่ายน้ำตั้งแต่เล็กๆ มากกว่าที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากเมืองในออสเตรเลียส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง
และตามการอ้างอิงของ Australian Swim Schools Association เด็ก ๆ สามารถเริ่มเรียนว่ายน้ำได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือน
6. ออสเตรเลียมีสนามเด็กเล่นเยอะ
ตามการอ้างอิงของ Cup of Jo ออสเตรเลียมีสนามเด็กเล่นอยู่มาก เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งของการกีฬาขนาดใหญ่ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำกิจกรรมของเด็กๆ
7. เครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นมีชื่อต่างกัน
ตามการอ้างอิงของ Cup of Jo ที่ออสเตรเลียมีจำนวนชิงช้าและบันไดลื่นมากมาย ซึ่งชาวออสซี่เรียกกันว่า “slippery dips”
8. ศัพท์บางคำก็คล้ายคลึงกับทางอังกฤษ
ชาวออสเตรเลียเรียกแม่ว่า “mum” เรียกรถเข็นว่า “prams” ผ้าอ้อมก็ใช้คำว่า “nappies” จุกนมปลอมสำหรับเด็กเรียกว่า “dummies”
9. แต่คำอื่นๆ ก็ยังเป็นแบบออสเตรเลีย
“chuck a tanty at the shops?” เป็นวิธีที่พ่อแม่ใช้พูดกับลูกๆ ที่มีอาการบึ้งตึงในร้านขายของ นอกจากนี้ยังมีศัพท์แสลงภาษาออสเตรเลียอีก
เช่น “barbie” หมายถึงบาร์บีคิวมากกว่าจะแปลว่าตุ๊กตาพลาสติก “bathers” หมายถึงชุดว่ายน้ำ และคำว่า “strides” หมายถึงกางเกง
10. กฎระเบียบด้านความปลอดภัยมีความเข้มงวด
กฎระเบียบด้านความปลอดภัยเข้มงวดกว่าในสหรัฐอเมริกา เช่น คาร์ซีทที่นั่งเด็กในรถยนต์ต้องคาดสายแบบพิเศษ
เนื่องด้วยภัยจากโรคลมแดด (Heat stroke) และโรคมะเร็งผิวหนังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พวกหมวกกันแดดจึงจำเป็นต้องใช้ในเครื่องแบบนักเรียน
แม้ว่าจะมีทั้งความเหมือนและแตกต่างกัน แต่หัวใจหลักของการเลี้ยงดูบุตรล้วนเหมือนๆ กันนั่นคือความรักและต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเชื่อว่าพ่อแม่ประเทศไหนๆ ก็ยึดตามหลักการข้อนี้เช่นกัน
ที่มา www.thisisinsider.com