คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญก็รู้ว่าการจ่ายบิลค่าบัตรเครดิตช้านั้นไม่ดี แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณอาจมองข้ามไปในการใช้บัตรเครดิต และนี่คือข้อผิดพลาด 11 ประการที่คุณอาจเผลอทำลงไป แต่ไม่ต้องกังวลนะเพราะข้อผิดพลาดเหล่านี้แก้ไขได้ง่ายมาก
1. หากไม่มีบัตรเครดิต
ประวัติเครดิตเป็นปัจจัยสำคัญในความน่าเชื่อถือของคุณ ยิ่งคุณใช้บัตรเครดิตมาอย่างยาวนาน ธนาคารก็ไว้วางใจให้คุณกู้ได้ ดังนั้นเริ่มสร้างเครดิตโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ ถ้ายังไม่มีบัตรเครดิต จงรีบไปสมัครมาสักใบ หรือถ้าคุณมีประวัติเครดิตที่แย่ คุณจำเป็นต้องมีหลักประกันโดยการฝากเงินเข้าไปเพื่อค้ำประกันไว้
2. การค้างยอดชำระจำนวนมากย่อมมีผลกับวงเงินบัตรเครดิต
การค้างยอดชำระอาจไม่ดีต่อคะแนนเครดิตหากยอดค้างชำระสูงเกินไป คะแนนเครดิตของคุณมีผลต่อสินเชื่อที่คุณมี รวมทั้งยอดคงค้าง ยอดหมุนเวียน และยอดหนี้คงเหลือ บัญชีหมุนเวียนมีประโยชน์ในการรายงานเครดิตเนื่องจากมันจะแสดงประวัติในการจัดการสินเชื่อ หากจำนวนเงินที่คุณเป็นหนี้ในบัญชีหมุนเวียนนั้นมากกว่าร้อยละ 30 ของสินเชื่อทั้งหมดก็อาจส่งผลกระทบในเชิงลบ ยอดคงค้างในบัญชีหมุนเวียนบ่งบอกว่าคุณมีปัญหาในการชำระหนี้ ดังนั้นควรรักษายอดค้างชำระให้เหลือน้อยที่สุดระหว่าง 10-25 %
3. การถือบัตรที่ไม่ได้ใช้งานหลายใบ
การมีบัตรที่ไม่ได้ใช้งานหลายใบไม่ใช่สิ่งที่ดีนักเนื่องจากมันจะทำลายคะแนนความน่าเชื่อถือของคุณ และยิ่งวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนสูงเท่าไร คุณก็ยิ่งมีโอกาสเป็นหนี้สูงขึ้นเท่านั้น
4. ยกเลิกบัตรเครดิตทันทีที่คุณจ่ายหมดแล้ว
แม้ในบัตรเครดิตของคุณจะมีวงเงินสูงและยังไม่มีการใช้งาน แต่การปิดบัตรทันทีที่คุณจ่ายหนี้หมดก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีเช่นกัน เพราะทันทีที่คุณปิดบัตรอัตราการใช้ก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นหลังจากที่คุณปิดยอดชำระและสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเย้ายวนใจและใช้มันอย่างชาญฉลาดขึ้นได้ คุณก็ควรเก็บบัตรเอาไว้เพื่อปรับปรุงคะแนนเครดิตของคุณจะดีกว่า คะแนนเครดิตของคุณเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดระยะเวลากู้ยืม ดังนั้นการปิดบัตรจะทำให้ประวัติที่ดีอันยาวนาน (เช่นการชำระตรงเวลา) ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือลงไปด้วย
5. จ่ายแค่ขั้นต่ำ
การจ่ายบิลตรงเวลาหรือจ่ายขั้นต่ำนั้นอาจไม่ส่งผลกระทบโดยตรง แต่แน่นอนว่ายอดหนี้อาจจะไม่ลดลง คุณคงประหลาดใจว่าการจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 1,000 บาทจะช่วยทำให้คุณปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยอันสูงลิ่วพยายามชำระให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะดีกว่า
6. เข้าใจผิดกับอัตราดอกเบี้ยระยะเริ่มต้น
อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำหรืออัตราปลอดดอกเบี้ยเริ่มต้นต่อปี (APR) มักจะถูกนำมาเป็นโปรโมชั่นจูงใจให้สมัครบัตรเครดิตซึ่งมีเงื่อนไขระยะดอกเบี้ยต่ำอยู่ที่ 6 เดือน – 1 ปีหรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ดอกเบี้ยต่อปีจะเพิ่มขึ้นทันทีที่ระยะเวลาโปรโมชั่นสิ้นสุดลง หมายความว่าเราควรชำระหนี้บัตรเครดิตให้หมดก่อนที่ช่วงเวลาดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้น แต่ผู้คนมักเข้าใจผิดและหลงลืมไปว่าถ้าไม่ได้จ่ายหนี้ให้หมดในช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น ยอดค้างชำระรวมทั้งดอกเบี้ยจะถูกเรียกเก็บย้อนหลังในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นแล้ว เราขอแนะนำให้คุณตั้งเตือนในปฏิทินล่วงหน้าสัก 1 เดือนก่อนที่อัตราดอกเบี้ยในระยะโปรโมชั่นจะสิ้นสุดลง คุณจะได้ไม่ต้องตกใจหรือทำผิดพลาดอย่างมหันต์ เช่น รูดซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆหรือเฟอร์นิเจอร์ มิเช่นนั้นคุณจะไม่สามารถปิดยอดภายในระยะเวลาที่กำหนดได้
7. ตกหลุมพรางของสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นแต้มสะสมท่องเที่ยว โปรโมชั่นคืนเงินและผลตอบแทนอื่นๆที่สร้างแรงดึงดูดเป็นอย่างดี แต่คุณควรต้องอ่านเอกสารให้ดีเพราะหากคุณไม่สามารถจ่ายยอดหนี้ได้พร้อมกับดอกเบี้ยที่สูงลิ่วสิทธิประโยชน์ที่ได้รับอาจจะไม่มีค่าอะไรเลย หากคุณกำลังพิจารณายื่นขอบัตรใหม่ กรุณาหาข้อมูลและควรแน่ใจว่าคุณเลือกบัตรที่ไม่ผิดวัตถุประสงค์
8. การใช้บัตรเกินวงเงิน
ไม่เพียงแต่คุณจะหน้าแตกที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินแล้ว แต่คุณยังจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกินวงเงินในกรณีที่คุณไม่ได้สมัครใช้โปรแกรมนี้ด้วย ดังนั้นโปรดระวังในการทำธุรกรรมและตรวจดูใบแจ้งหนี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น
9. ไม่ได้เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย
คุณควรศึกษาข้อมูลให้ดีในการเลือกและยื่นสมัครบัตรเครดิต โดยพิจารณาว่าอัตราดอกเบี้ยรายปีของสถาบันการเงินไหนที่น่าสนใจที่สุด แต่โปรดพึงระวังว่าข้อเสนอที่ได้รับทางจดหมายอาจไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุด ดังนั้นควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากทางเว็บไซต์ร่วมด้วย
10. การใช้บัตรเครดิตแทนเงินสด
หากคุณชอบความสะดวกสบายของบัตรพลาสติกก็ควรใช้ “บัตรเดบิต” ในการใช้จ่ายทุกวัน เช่น ซื้ออาหาร ซื้อของ เติมน้ำมัน และหลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตสำหรับยอดค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้เพราะคุณอาจต้องจ่ายหนี้กันยาวหลังจากที่ซื้อ (และจ่ายเงินมากขึ้นพร้อมกับดอกเบี้ย) ดังนั้นควรใช้บัตรเครดิตกับอุปกรณ์หรือสิ่งของใหญ่ๆเช่น เฟอร์นิเจอร์ ตั๋วเครื่องบินเนื่องจากมันจดจำง่าย หากคุณพบว่าตัวเองใช้จ่ายใกล้ถึงวงเงินที่กำหนดแล้ว คุณควรตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป
11. การเบิกเงินสดล่วงหน้า
อย่าเบิกเงินสดล่วงหน้าหากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ การเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตคุณจะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติ ยิ่งไปกว่านั้นสถาบันการเงินจะคิดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมขึ้นอีก 2-4% หากคุณมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เงินจำนวนเล็กน้อยขอแนะนำให้หยิบยืมจากเพื่อนหรือคนในครอบครัวจะดีกว่า คุณจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆเพิ่มเติม
source: eduzones