ในโลกธุรกิจที่การติดต่อสื่อสารสามารถเกิดขึ้นได้หลายวิธี และวิธีที่เป็นที่นิยมในหลายๆ บริษัทคือการส่งอีเมล โดยเฉพาะกับบริษัทต่างชาติที่เขตเวลาไม่ตรงกัน อีกทั้งยังเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้
แต่นักเขียนอีเมลมือใหม่หลายๆ คนก็อาจไม่เข้าใจตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษ (Acronyms) ที่ได้รับความนิยมและถูกใช้บ่อยในอีเมล วันนี้เราจึงมีถึง 12 คำพร้อมคำอธิบายและตัวอย่างการใช้ มาร่วมไขข้อสงสัยไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ :)
#1 ASAP
ตัวอักษรย่อ ASAP ย่อมาจาก “as soon as possible” มีความหมายว่า “โดยเร็วที่สุด” คำนี้มีมีประโยชน์เมื่อคุณต้องการให้ผู้อื่นมั่นใจว่าคุณจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในเวลาที่เหมาะสม
#2 BCC และ CC
BCC และ CC เป็นคำย่อที่พบได้บ่อยในการส่งอีเมล โดย BCC ย่อมาจาก “blind carbon copy” คือการส่งสำเนาอีเมลไปหาผู้รับอีกหลายๆ คน โดยที่ผู้ได้รับอีเมลนั้นจะไม่รู้ว่าคุณส่งสำเนาไปหาใครบ้าง
ในขณะที่ CC ย่อมาจาก “carbon copy” ซึ่งจะถูกใช้เมื่อต้องการส่งอีเมลไปหาผู้รับหลัก และต้องการส่งสำเนาไปหาผู้รับอื่นๆ ที่สนใจ หรือเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
#3 EOD
EOD หมายถึง “end of the day” หรือ “สิ้นสุดวัน” โดยส่วนใหญ่มักใช้ในบริบทที่นายจ้างบอกกับลูกน้อง และบางครั้งอาจหมายถึงการสิ้นสุดของวันที่มี 24 ชั่วโมง หรืออาจหมายถึงเวลาปิดทำการของธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งก็เป็นได้
#4 EOM
EOM ย่อมาจาก “end of message” หมายถึง “การสิ้นสุดข้อความ” โดยมักถูกใช้ในหัวข้อเรื่องเพื่อให้ผู้อ่านไม่ต้องกังวลกับการเปิดอ่านอีเมลโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างเช่นหัวข้ออีเมลดังนี้ “Budget meeting 10/11/2020 at 11 am (EOM).” (การประชุมงบประมาณ วันที่ 10/11/2020 เวลา 11.00 น. [จบข้อความ])
#5 FWD
โปรแกรมอีเมลส่วนใหญ่ระบุข้อความที่ถูกส่งต่อโดยอัตโนมัติด้วยคำว่า FWD (forward) ซึ่งหากคุณไม่ต้องการให้ผู้รับเห็นตัวอักษรย่อนี้ในหัวข้อเรื่อง คุณจะต้องลบออกด้วยตนเอง
#6 FYI
หากคุณต้องการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์คุณสามารถใช้ตัวย่อ FYI ได้ เพราะมันย่อมาจาก “for your information” มีความหมายว่า “แจ้งให้ทราบ / เรียนให้ทราบ”
#7 Ms.
อย่างที่ทราบกันดีว่าในภาษาอังกฤษมีคำขึ้นต้นสำหรับผู้หญิงในบริบทที่แตกต่างกัน และ Ms. มักจะถูกใช้ในอีเมลเพื่อระบุว่าบุคคลนั้นเป็นผู้หญิงโดยไม่เปิดเผยว่าพวกเธอโสดหรือแต่งงานแล้ว เพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพ
#8 NRN
หากคุณส่งอีเมลและไม่ต้องการการตอบกลับ คุณสามารถใช้ตัวย่อ NRN ซึ่งย่อมาจากคำว่า “no reply necessary.” มีความหมายคือ “ไม่จำเป็นต้องตอบกลับ” เพื่อแสดงให้ผู้รับรู้ว่าไม่จำเป็นต้องตอบรับเนื้อหาในอีเมลฉบับนี้
#9 OOO
ย่อมาจากวลี “Out of Office” มักใช้ในบริบทที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพในสถานการณ์ที่คุณไม่อยู่ที่สำนักงานในเวลานี้ โดยมักจะใส่ลงในลายเซ็นตอบกลับอีเมลอัตโนมัติ มักใช้ขณะหยุดยาวพักร้อน เป็นต้น
#10 OT
OT ย่อมาจาก “off topic” แปลว่า “นอกเรื่อง” มักใช้ในสถานการณ์ระหว่างคุยโต้ตอบอีเมล แล้วต้องพูดถึงหัวข้ออื่นๆ ที่แตกต่างจากหัวข้อเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด
#11 PS
PS มาจากภาษาละตินอย่าง “postscriptum” หมายถึง “ข้อความสุดท้าย” หรือคล้ายกับ “ป.ล.” ที่ย่อมาจาก “ปัจฉิมลิขิต” ในภาษาไทยนั่นเอง เป็นการระบุว่าคุณได้เพิ่มข้อความหลังสุดเมื่อลืมเขียนลงในเนื้อหา หรือตกหล่นข้อความใดข้อความหนึ่งไป เป็นต้น
#12 YTD
ย่อมาจาก “year to date” หมายถึงระยะเวลาเริ่มต้นวันแรกของ
คำย่อคือคำที่เป็นประโยชน์ซึ่งช่วยให้อีเมลมีความกระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสารได้ทันท่วงที
เมื่อคุณเชี่ยวชาญตัวอักษรและเครื่องหมายวรรคตอนแล้ว คุณจะไม่มีปัญหาในการใช้ตัวอักษรเหล่านี้เพื่อสื่อสารกันในที่ทำงานเลยล่ะค่ะ
ที่มา: grammarly