เนื่องจากมีการสูญเสียงานนับล้านจากการระบาดของโรค จึงถึงเวลาแล้วที่ผู้หางานต้องคิดทบทวนวิธีการทำงานของตนใหม่ บางคนพยายามอย่างเต็มที่และหวังว่าจะได้กลับไปทำงาน คนอื่นๆ ต่างก็ต้องปรับปรุง พัฒนาทักษะ รวมถึงเปลี่ยนสายงานเพื่อกลับเข้าทำงานให้ได้
การศึกษาใหม่ที่จัดทำโดย TopResume พบว่านายจ้างให้ความสำคัญขึ้นกับเอกสารการสมัครงานต่างๆ มากขึ้น เช่น cover letter และหมั่นติดตามผลมากกว่าก่อนที่ COVID-19 จะระบาด
การศึกษาพบว่า 48% ของนายจ้างอ่าน cover letter มากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้อีก 68% เปิดเผยว่า thank-you notes และการเขียนอีเมลมีความสำคัญมากขึ้น จึงเกิดมาเป็น 4 ปัจจัยที่นายจ้างแนะนำว่าควรทำในการสมัครงาน ดังนี้
#1 การส่ง Cover Letter
ยิ่งในช่วงไวรัสระบาด เหล่าผู้หางานใหม่ต่างตั้งใจส่ง Cover Letter กันมากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการสมัครงานอย่างแท้จริง ฝ่ายองค์กรเองก็มีแนวโน้มที่จะอ่านมันมากขึ้นเช่นกัน เพราะถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำความเข้าใจผู้สมัคร และหาเหตุผลว่าเหตุใดควรพิจารณาผู้สมัครงานคนนั้นๆ
#2 แสดงออกให้เห็นถึงบุคลิกภาพที่โดดเด่น
การสำรวจในปี 2018 พบว่า 70% ของนายจ้างคิดว่าบุคลิกภาพของผู้สมัครเป็นปัจจัยสามอันดับแรกในการตัดสินใจว่าจะขยายข้อเสนองานหรือไม่ เพราะฉะนั้นการเปิดเผยภาพรวมที่ควรรู้เกี่ยวกับตับคุณอาจทำให้เรซูเม่ของคุณไม่ถูกปัดตกได้
Cover Letter จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการเขียนแสดงให้เห็นถึงบุกคลิกภาพที่โดดเด่นของคุณเอง โดยเฉพาะในย่อหน้าแรก นอกจากนั้นยังสามารถเขียนเผยให้เห็นถึงความท้าทาย ความยากลำบากที่คุณพบเจอในประสบการณ์การทำงาน มากกว่าเขียนในเรซูเม่ได้อีกด้วย
#3 thank you note มีความสำคัญ
ข้อความขอบคุณนั้นไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความสุภาพในการขอบคุณนายหน้าหรือผู้สัมภาษณ์ที่สละเวลา แต่ยังสามารถเป็นอีกหนึ่งในการแสดงบุคลิกภาพเพื่อทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นๆ ได้
ในการเขียน Thank you note นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นทางการมาก อาจจะเกริ่นถึงการข้อมูลพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้คุยกันก่อนเริ่มสัมภาษณ์ เพื่อเตือนผู้สัมภาษณ์ว่าคุณคือใคร และสุดท้ายนอกเหนือจากการกล่าวคำขอบคุณ ก็ควรเน้นย้ำความสนใจในงาน และเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ว่าทำไมคุณถึงเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจเข้าตาผู้ว่าจ้างได้
#4 อย่ากังวลกับช่องว่างในการว่างงาน
เชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนี้นายจ้างต่างเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไรจึงเกิดช่องว่างในการว่างงานขึ้น เพราะต่างประสบปัญหาคล้ายๆ กัน สิ่งสำคัญคือการถูกปลดออกจากงานนั้นเป็นเพราะมีความจำเป็นจากโรคระบาด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการทำงานของผู้สมัคร
ในแง่ดีคือสามารถใช้ช่องว่างเหล่านั้นพัฒนาทักษะที่เหมาะสมกับตัวเอง หรือที่เป็นประโยชน์สำหรับสายงานที่ต้องการในอนาคต แล้วในไม่ช้าคุณจะกลายเป็นผู้สมัครที่โดดเด่นขึ้นมาทันที
เหล่านี้คือคำแนะนำจากองค์กรต่างๆ ที่กำลังมองหาพนักงานใหม่แม้ในช่วงที่ COVID-19 ระบาด
เชื่อว่าสถานการณ์เช่นนี้ต่างก็เป็นเวลาที่ยากลำบากของใครหลายๆ คน แต่ขออย่าพึ่งยอมแพ้ คุณสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ขอแค่ตั้งใจ :)
ที่มา: theladders