หลายครั้งที่การเขียนถือเป็นโจทย์ยากสำหรับใครหลายคน แน่นอน เราอาจรู้ว่าหลักพื้นฐานต้องเขียนอย่างไร แต่สิ่งที่ขาดอาจเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ หรือการเขียนให้งานของเราดูทรงพลังและนำไปสู่การสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่าน
ดังนั้น ในวันนี้ เราจึงมีเทคนิคดีๆ ฉบับเคล็ดไม่ลับจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Niklas Göke บล็อกเกอร์และนักเขียนชื่อดังประจำ Huffington Post มาแชร์ให้กับทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังสามารถเรียนรู้ได้ภายใน 2 นาที! มาดูกันเลยค่า
#1 อย่าใช้วงเล็บ
การใส่วงเล็บจะยิ่งทำให้สิ่งที่ต้องการสื่อลดทอนความสำคัญลง หากตัดสินใจไม่ได้ว่าสิ่งที่ต้องการใส่ในวงเล็บนั้นจำเป็นหรือไม่ แต่ถ้าต้องการเขียนอะไรให้เขียนไปได้เลยโดยไม่ต้องใช้วงเล็บ ตัวอย่างเช่น
ก่อน: “You must pass a (ridiculously hard) course.”
หลัง: “You must pass a ridiculously hard course.”
#2 ใช้คำบุพบทให้น้อยที่สุด
การใช้การสื่อสารให้ประหยัดมากที่สุดจะยิ่งประหยัดเวลา และยิ่งทำให้เข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อมากขึ้น เพราะฉะนั้นบางประโยคจึงไม่จำเป็นต้องใช้คำบุพบท (prepositions) เช่น in, on, at, before หรือ up ให้โฟกัสถึงเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อมากกว่า เช่น
ก่อน: “He wants to meet up with Sarah in the morning.”
หลัง: “He wants to meet Sarah in the morning.”
#3 อย่าใช้คำว่า ‘thing’
แต่ละสิ่งสามารถอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จึงไม่ควรใช้คำว่า ‘thing’ หากไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นในการเขียนควรอธิบายแต่ละสิ่งที่ไม่รู้อย่างละเอียด หากเป็นอุปกรณ์ก็ควรอธิบายลักษณะให้เห็นภาพ หรือหากเป็นความรู้สึกก็ต้องอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจ ตัวอย่างดังนี้
ก่อน: “This is the greatest thing my parents taught me.”
หลัง: “This is the greatest lesson my parents taught me.”
#4 อย่าใช้คำซ้ำซ้อน
เชื่อเถอะว่าผู้อ่านสามารถจำคำที่คุณใช้ได้แม้จะคนละประโยคกันได้มากกว่าที่คุณคิด เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงใช้คำที่จำเจ ไม่ว่าจะเป็น ‘so’, ‘as before’ หรือ ‘well’ ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าคุณยังคิดไม่ละเอียดถี่ถ้วนในการเขียน และอย่าเขียนขึ้นต้นย่อหน้าของประโยคใหม่ ด้วยส่วนท้ายของประโยคก่อนหน้า ตัวอย่างเช่น
ก่อน: “Writing improves your thinking. With this in mind, I suggest you write daily.”
หลัง: “Writing improves your thinking. I suggest you write daily.”
เพียงแค่ 4 เคล็ดลับนี้ ก็สามารถช่วยให้คุณพัฒนางานเขียนและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างมาก ไม่เชื่อ ลองนำไปประยุกต์ใช้ดูสิ แล้วคุณจะพบกับความประหลาดใจ :)
ที่มา: thelanguagenerds