สวัสดีจ้าเพื่อนๆ ชาว ScholarShip.in.th วันนี้เรื่องราวที่เรานำมาฝากนั้นรับรองว่าต้องถูกใจเพื่อนๆ ที่ชอบอู้งานอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วเราก็จะมีเหตุผลไว้อ้างเวลาแอบหลับแล้วล่ะ อิอิ
ถึงการแอบงีบนั้นจะเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่า คุณนั้นขี้เกียจ แต่เชื่อหรือไม่ว่าจากผลงานการวิจัยหลังๆ ที่ผ่านมานี้พบว่า การงีบนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายๆ ด้านเลยล่ะ!!
วันนี้เราเลยขอเสนอ 5 เหตุผลทำไมที่ว่าคนเราควรงีบระหว่างวัน ถ้าเพื่อนๆ คนไหนพร้อมแล้วล่ะก็ มาติดตามรับชมกันได้เลยครับผม…
1. เป็นการเพิ่มพลังงานอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างวันที่เราทำงานมากๆ หรือเรียนหนักๆ นั้น การได้งีบบ้างจะช่วยให้พลังงานเราเพิ่มมากขึ้น รวมถึงให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้นอีกด้วยล่ะ แต่แนะนำให้ 15 – 25 นาทีเท่านั้นนะครับ นานกว่านั้นจะส่งผลเสียซะมากกว่า
2. ลดอาการงัวเงียระหว่างวัน
แน่นอนครับเพื่อนๆ หลายๆ คนมีอาการสัปหงก เรียกได้ว่าแทบจะหลับใน โดยเฉพาะวิชาที่น่าเบื่อๆ เพราะฉะนั้นหันมาฝีบกันสักนิด รับรองว่าจะทำให้ร่างกายสดชื่นและตื่นตัวขึ้นมาก บอกลาอาการสัปปะหงกระหว่างวันกันไปเลย!
3. มันเป็นเรื่องธ๊รรมด๊าาาา ธรรมดาาา
เชื่อหรือไม่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีพฤติกรรมการนอนแปลกจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นกว่า 85 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ เพราะค่านิยมต่างๆ หรือหน้าที่การงานที่บังคับให้เราต้องไม่นอน ดังนั้นนักวิจัยหลายๆ คนเชื่อว่า การแอบงีบในตอนระหว่างวันของมนุษย์นั้นเป็นการทำตามสัญชาตญาณนั่นเอง
4. ช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น
จากการวิจัยพบว่า คนที่ได้รับการอนุญาตให้งีบหลับได้ระหว่างวันนั้น จะทำงานได้ดีขึ้นกว่าผู้ที่ไม่ได้กว่า 34 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ ยอมเสียเวลาสักนิดเพื่อคุณภาพงานที่ดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลยนะ
5. ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น
เพราะว่าถ้าเราง่วง เราก็เครียด และถ้าเครียดร่างกายก็จะหลั่งสารเคมีที่มีผลทำให้เกิดโรคหัวใจขึ้นมา แต่ถ้าระหว่างนอนร่างกายจะสร้างสารอีกตัวหนึ่งเพื่อมาต้านสารนี้ และยังมีผลการวิจัยรองรับอีกว่า ผู้ที่งีบประมาณ 30 นาที ต่อวัน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 วันใน 1 อาทิตย์ จะสามารถลดอัตราการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 37 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ
ไม่แน่นะครับ ในอนาคตที่ทำงานหลายๆ ที่อาจจะจัดระบบการนอนงีบระหว่างวัน สัก 15 – 30 นาทีเป็นอย่างน้อย ให้กับพนักงานก็ได้ ไม่ใช่ว่าจะสนใจแต่เรื่องผลกำไรอย่างเดียวนะครับ อย่าลืมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพนักงานด้วยล่ะ ผู้ประกอบการทั้งหลาย อิอิ
Source: LifeHack