เนื่องจากสังคมมนุษย์อยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้นความสัมพันธ์จึงเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิต อย่างไรก็ตาม การพยายามสร้างสัมพันธภาพไม่ได้นำมาซึ่งด้านบวกเสมอไป
ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นจุดด้อยด้านลบของตัวเอง เพราะไม่ใช่ทุกที่ทุกสถานการณ์ที่มีกระจกเงาคอยสะท้อนสีหน้าและการกระทำของเรา ดังนั้นลองมาค้นหาตัวเองจากนิสัยทางจิตวิทยาเหล่านี้กันเลย
1. ปฏิเสธไม่เป็น
อย่างเช่น งานของคุณเองก็มีอยู่เต็มไม้เต็มมือแล้ว แต่ก็มีคนมาขอให้ช่วยทำนู่นนี่นั่น ซึ่งล้วนก็คอยผลาญเวลาอันมีค่าของคุณ
สิ่งที่ควรทำ : ยกให้งานของคุณเป็นอันดับหนึ่ง แต่หากมีบางคนกล่าวหาว่าคุณเห็นแก่ตัว ซึ่งดูเหมือนจะทำให้อารมณ์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปได้
และก่อนที่จะสุ่มสี่สุ่มห้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือใคร คิดดูให้ดีก่อนว่าในความเป็นจริงแล้วคนคนนี้มีแต่กำไรที่ได้รับจากการขอความช่วยเหลืออยู่ร่ำไป
2. คอยมองหาความเห็นชอบ
อย่างเช่น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง และต้องการคำชี้แนะหรือการเห็นด้วยจากผู้อื่นอยู่ทุกครั้ง หรือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้รับคำชมจากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ญาติพี่น้องหรือใครก็ตาม
หากเมื่อใดได้รับความเห็นชอบหรือชมเชยคุณจะรู้สึกดีที่ในทืี่สุดก็ทำได้ แต่หากเมื่อไหร่ที่ไมได้รับการตอบรับกลับมา คุณจะรู้สึกราวกับตัวเองทำสิ่งที่ไม่สำคัญหรือทำอะไรได้ไม่ดี
สิ่งที่ควรทำ : คุณต้องตัดสินใจว่าตัวเองดีพอและไม่จำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์ หรือมองหาความเห็นชอบจากใคร พุ่งชนเป้าหมายด้วยตัวเอง
ในท้ายที่สุดความเชื่อมั่นก็จะกลายเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ และจากความรู้สึกที่ต้องการคำชี้นำก็จะตายจากไปตลอดกาล
3. กลมกลืนไปกับทุกสิ่ง
คุณไม่เถียง ไม่บ่น หรือลุกขึ้นสู้กับสิทธิของตัวเอง เพราะการยอมรับและอดทนมันง่ายกว่า เป็นคนดีเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง แต่ถ้าคุณไม่ยืนหยัดในความคิดเห็น ก็ไม่รู้ใครเห็นว่าคุณมีตัวตนอยู่
สิ่งที่ควรทำ : ปล่อยให้ตัวเองได้แสดงความคิดเห็นออกมา ไม่จำเป็นต้องมองหาการสนับสนุนจากคนที่มีความมั่นใจและกล้าแสดงออกกว่าคุณ ซึ่งเมื่อใดที่คุณเผยความคิดเห็นออกมา การมีตัวตนของคุณก็ค่อยๆ เด่นชัดขึ้น
4. โทษตัวเองกับความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น
อย่างเช่น คุณมักขอโทษอยู่ร่ำไปหากไม่สามารถตอบสนองคำขอของใครได้ หรือความโกรธ ความไม่พอใจ อารมณ์เชิงลบของคนอื่นๆ ทำให้คุณหลอนและรู้สึกผิด
สิ่งที่ควรทำ : วางก้อนหินในมือลง ซึ่งก็คือความรู้สึกต่างๆ นานาของคนเหล่านั้น และเมื่อคุณติดอยู่ในความรู้สึกผิดให้มองย้อนว่า คนคนนั้นทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาของตัวเอง?? เหตุใดเขาจึงมีเวลาสะอื้นและเจ็บปวดกับปัญหา
5. ไม่ได้กำหนดขอบเขต
อย่างเช่น คุณพร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กับทุกคน คุณสามารถยกเลิกหรือเลื่อนธุระของตัวเองได้ตลอดเวลา แต่กลับไม่สามารถปฏิเสธที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้
สิ่งที่ควรทำ : ทำให้กลายเป็นบรรทัดฐานของตัวเอง บอกกล่าวถึงแผนการให้คนรอบข้างทราบ เช่น จะไปเที่ยวสุดสัปดาห์นะ และแจ้งว่าสามารถทำงานนี้ได้จนถึงวันศุกร์เท่านั้น
6. ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
อย่างเช่น คุณติดแหงกอยู่กับคำขอของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่ค่อยปฏิเสธคำขอ ฉะนั้นเวลาของคุณจึงถูกแย่งโดยงานนี้งานนั้น และไม่มีเวลาไหนที่กลายเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง
สิ่งที่ควรทำ : แบ่งเวลาและพื้นที่ส่วนตัวไม่ว่าช่วงเวลาทำงาน พักผ่อน ทำงานบ้าน หรือท่องเที่ยว เลือกสักวันให้เป็นวันของตัวเอง กำหนดและลำดับความสำคัญก่อนที่จะตอบรับช่วยงานคนอื่น
ที่มา brightside