สวัสดีกันอีกครั้งนะคะ วันนี้เรานำสาระดีๆมาฝากเพื่อนๆ ชาว ScholarShip.in.th อีกแล้ว เรื่องวิธีการเพิ่มพลังสมองให้เกิดไอเดียร์บรรเจิด จะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันเลยดีกว่า^^
ทุกคนคงรู้วิธีการรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเองใช่มั้ยคะว่าเราต้องออกกำลังการสม่ำเสมอ ต้องกินอาหารดีๆ พักผ่อนให้เป็นเวลา แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้วิธีการพัฒนาและเพิ่มพลังให้สมองบ้างล่ะ?
ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีที่จะเพิ่มสุขภาพสมองของเราเจ๋งๆมาฝากกัน โดยวิธีเหล่านี้ดีจริง และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนด้วยนะ!
1. การฝึกสมอง
จากการวิจัยของนักจิตวิทยาหลายๆท่านแล้ว พบว่าการฝึกสมองที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด คือ กิจกรรมที่ช่วยให้เราผ่อนคลายสมอง เน้นความเพลิดเพลิน สนุกสนาน เช่น เกมส์การ์ดต่างๆสหรับเด็กๆ มากกว่ากิจกรรมที่วุ่นวายและเน้นทางวิชาการมากเกินไป
2. รักษาและควบคุมกิจกรรมทางจิตใจไว้
ยิ่งมีการสนทนากับเด็กๆมากแค่ไหน ระดับพลังของสมองเด็กๆจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ถ้าเราพูดคุยกับเขามากๆ เขาจะได้คิดได้เยอะๆ นอกจากนั้นควรเล่นเกมส์และมีปฏิสัมพันธ์กับเขาบ่อยๆ อย่างเช่น เกมปริศนาอักษรไขว้ หรือเกมส์ที่ใช้จินตนาการมากๆ
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
แน่นอนค่ะว่าการออกกำลังกายช่วยในเรื่องสุขภาพมากๆ และยังช่วยในระบบการทำงานของสมองอีกด้วยนะ เพราะการออกกำลังกายช่วยให้เซลล์สมองใหม่เจริญเติบโต (เซลล์ประสาท) ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายด้วย
4. ควรกินอาหารให้เพียงพอ และพอดี เพื่อสุขภาพสมองที่ดี
เพราะอาหารเป็นเชื้อเพลิงของสมอง ถ้ามีเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ สมองก็จะทำงานไม่ได้ใช่มั้ยคะ? ดังนั้นอาหารจึงจำเป็นมากต่อระบบการทำงานของสมอง เพื่อให้เกิดไอเดียร์ เราก็ต้องรับประทานอาหารดีๆและเพียงพอด้วยนะคะ
5. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
เมื่อเรานอนหลับ สมองของเราก็ยังคงทำงาน อย่างความฝันนี่ก็เป็นผลมาจากการทำงานของสมองเรานั่นเอง นอกจากจะได้ปรธโยชน์จากสุขภาพที่ดีแล้ว ยังได้ประโยชน์จากการเรียนรู้ไปกับเรื่องราวที่สมองเราผลิตออกมาเป็นความฝันนั่นเอง
6. มีความสำพันธ์ที่ดีกับคนอื่น
เพราะสมองเราเป็นที่จดจำเรื่องราวต่างๆ ถ้าเรามีความทรงจำที่ดีๆกับแต่ละบุคคล สมองเราก็จะมีแต่ความทรงจำดีๆที่ไม่ทำร้ายทั้งจิตใจและสมองของเรา สิ่งนี้จะช่วยพัฒนาสมองได้ดียิ่งขึ้น
จากการสังเกตุและวิจัยของเหล่านักจิตวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ ต่างก็บอกว่าทั้งหกวิธีนี้สามารถช่วยให้สมองมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจริงๆนะคะ ฉะนั้นเพื่อนๆเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง เพื่อสุขภาพสมองที่ดีนะคะ^^
Source: lifehack