6 ประโยชน์ของความล้มเหลว ที่หลายๆ คนมักจะมองข้าม!!

สำหรับเรื่องราวต่อไปเพื่อนๆ อาจจะเคยฟังเรื่องราวเกี่ยวกับความสำเร็จกันมาเยอะใช่มั้ยล่ะ แต่ที่แน่ๆ แล้วก็คือไม่มีใครชอบความล้มเหลวหรอกนะ!! เพราะว่ามันแย่เอามากๆ เลยล่ะ

แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง ความล้มเหลวก็เหมือนอุปสรรค ที่ทำให้เราได้ก้าวข้ามผ่าน และอุปสรรคเหล่านี้แหละที่จำทำให้เราเก่งขึ้น เมื่อเราสามารถลุกขึ้นมาสู้กับมันใหม่ และเอาชนะอุปสรรคขวากหนามนั่นไปได้!!

วันนี้ ScholarShip.in.th เลยขอนำเสนอประโยชน์ 6 ข้อของความล้มเหลวที่เพื่อนๆ อาจไม่เคยรู้ จะมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลย

1. การล้มเหลวทำให้เราได้รู้สึกถึงความเป็นจริง ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นใคร เป็นอะไร อยู่ในระดับไหน

ง่ายๆ แล้วนั่นก็คือ กระบวนการนี้ได้ทำให้เราเลิกฝันเฟื่อง อยู่ในความฝัน ความคิดจินตนาการของเรานั่นเอง แล้วกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง ว่าจริงๆ แล้วนั้นเราคืออะไร เรียกได้ว่าเป้นการเช็คระยะไปในตัวเลยล่ะ

2. บทเรียนที่ประเมิณค่าไม่ได้!!

ทุกความล้มเหลว ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เก่งขึ้น การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการที่เราเรียนรู้จากความล้มเหลว การจัดการความเสี่ยง การรับผลที่ติดตามมากับความล้มเหลว จะทำให้เราเป็นคนที่เก่งขึ้นอีกหลายเลเวลเลยล่ะ

3. ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า โลกยังไม่ถึงจุดจบซะหน่อย!

เมื่อคุณล้มเหลวอะไรมากๆ คุณอาจจะหมดอาลัยตายอยาก…แต่สุดท้ายแล้วคุณก็จะรู้ว่า เอ๊ะ!! ชีวิตต้องดำเนินต่อไป มันไม่ใช่จุดจบของชีวิตซะหน่อย บ้ารึเปล่า!! เราต้องก้าวต่อไปปปปป…

4. ทำให้เรามีบุคลิกที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่แข็งกร้าว

ทุกๆ คนสามารถเป็นฮีโร่ได้ เมื่อมีความสามารถและอยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสม แต่สิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้เมื่อเราสามารถผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายมาได้ และแน่นอนครับ มาจากความล้มเหลวอีกนั่นแหละ!!

5. ทำให้เราก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง

เมื่อเราเรียนรู้ความล้มเหลวในเรื่องนั้นๆ มาแล้ว ก็เกิดโอกาสได้ยากที่เราจะพลาดพลั้งในเรื่องนั้นๆ อีกนั่นเอง เพราะฉะนั้นล้มเหลวกันบ้างเถอะ แล้วชีวิตจะดีเอง!!

6. ผู้คนที่มักประสบความสำเร็จก็ล้มเหลวกันทั้งนั้น

แต่พวกเข้าเรียนรู้ที่จะก้าวกันต่อไปนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นสตีฟ จ๊อปส์ ที่ถูกไล่ออกจากบริษัทตัวเอง หรือร๊อคกี้ ราชากำปั้นที่วัยเด็กต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าและถูกแกล้งเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่หลอมรวมพวกเขาขึ้นมาและทำให้พวกเขาก้าวสู่ความสำเร็จจนเป็นคนดังระดับโลก!! ทุกคนมีปัญหา อยู่ที่จะสามารถก้าวผ่านไปได้ยังไง ระดับไหนมากกว่านะจ๊ะ

Source: LifeHack