สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว ScholarShip.in.th เรานำเรื่องดีๆมาฝากเพื่อนกันอีกแล้ว ใครที่อย่างจะมีเช้าวันใหม่ที่สดใสในแต่ละวัน เชิญมาทางนี้เลยจ้า
เมื่อตกกลางคืน ถึงเวลานอน เพื่อนๆควรจะวางทุกอย่างไว้ ไม่ว่าจะงานหรือการบ้าน และควรเตรียมตัวเข้านอนได้แล้ว เพื่อให้เช้าวันใหม่ของเราสดใสกว่าทุกๆวัน
แต่บางคนถึงตื่นเช้ามาก็คงจะเครียดและวิ่งวุ่นวายเลยเพราะหลายๆอย่าง รู้มั้ยว่าถ้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เช้า ทั้งวันของเราก็จะไม่รื่นรมย์ไปด้วยนะ วันนี้เรามีวิธีการทำเช้าวันใหม่ของเราให้สดใสมาฝาก ไปดูกันเลย!!
1. หยุดกดปุ่มเลื่อนบนนาฬิกาปลุกซะ!
หยุดการกระทำนี้ แล้วลุกขึ้นจากเตียงซะดีๆ แล้ววันใหม่ที่สดใสจะเข้ามาหาเอง
2. ลิสต์รายการกิจกรรมที่จะทำในวันต่อไป
ทุกๆคืนก่อนนอน ถ้าเราคิดว่าวันพรุ่งนี้จะทำอะไรสนุกๆบ้าง จะยิ่งทำให้เราอยากตื่นเช้าๆเลยล่ะ
3. ปล่อยให้แสงแดดส่องเข้าถึงห้องนอน
แสงของเช้าวันใหม่ที่ส่องลงบนเตียง จะยิ่งทำให้เราอยากลุกจากเตียงและพร้อมที่จะมีเช้าที่สดใสเลยล่ะ
4. ทำกิจวัตรประจำวันอย่างเคร่งครัด
ถ้าเรามีกิจวัตรประจำวันในทุกเช้าๆ ก็ทำอย่างเคร่งครัดให้ติดเป็นนิสัยนะคะ
5. ให้เลือดไหวเวียนด้วยการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายจะช่วยให้เลือดไหวเวียนและรับออกซิเจนได้ดี ส่งผลให้เรากระปรี้กระเป่าไปทั้งวันเลยล่ะ
6. เมื่อตื่นขึ้นมา หลีกเลี่ยงการเช็คอีเมลล์หรือแชทเป็นอันดับแรก
พฤติกรรมนี้ทำให้เสียเวลาในการเตรียมตัวต้อนรับวันใหม่มากเลยนะคะ ทำอะไรอื่นให้เสร็จก่อนค่อยมาเช็คทีหลังก็ได้นะ
7. นั่งฟังสิ่งรอบตัว
ไม่ว่าจะเป็นเพลงผ่อนคลายๆที่เราชอบหรือเสียงต่างๆจากธรรมชาติจะทำให้เรารู้สึกดีมากๆเลยล่ะ
8. จำกัดการบริโภคคาเฟอีน
สำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟในตอนเช้า ควรลิมิตให้พอเหมาะ อย่าดื่มมากเกินไป เพราะมันจะทำให้เรากระวนกระวายใจนะ
9. ควรรู้เวลาที่จะใช้ไปในตอนเช้า
ทุกๆกิจกรรมที่เราทำในทุกๆเช้า ตัวเราเองจะรู้ดีที่สุดว่าต้องใช้เลาเท่าไหร่ ดังนั้นจัดการเรื่องเวลาดีๆก่อนที่จะออกไปข้างนอกนะ
10. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยงานชิ้นโต
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่อยากตื่นมา แต่ถ้าเราทำงานใหญ่ก่อนในตอนเช้า ตอนบ่ายเราจะได้ไม่เหนื่อยไงคะ
11. ทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์
ข้อนี้สำคัญมากเลยนะ เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานเราไปทั้งวัน ดังนั้นเลือกทานดีๆนะคะ ห้ามเป็นอาหารขยะเด็ดขาด!!
ถ้าเพื่อนๆทำได้แบบนี้ทั่ง 11 ข้อ ทุกๆเช้าในทุกวันของเพื่อนๆจะสดใสมากเลยทีเดียว และยังทำให้ทั้งวันของเพื่อนๆนั้นมีความสุขไปด้วยอีกต่างหาก
Source: huffingtonpost