วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักบุคลลมผู้ที่เรียกได้ว่า เป็นแนวหน้าผู้ทรงอิทธิพลของโลก ในปี 2014 นี้เลยล่ะครับ เชื่อว่าเพื่อนๆ ชาว ScholarShip.in.th หลายๆ คนย่อมคุ้นหน้าคร่าตากันอย่างแน่นอน ว่าแล้วเรามาชมกันเลย
โลกจะยุ่งเหยิง หรือสงบสุข ก็ขึ้นอยู่กับมือของผู้นำชาติมหา อำนาจเพียงไม่กี่ชาติ ที่ต่างถือรีโมตคอยกำหนดชะตาโลกใบนี้ โดยทางนิตยสารฟอร์บส์จัดอันดับบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2014 โดย 8 คนดังที่กุมอำนาจไว้ในมือและมีบทบาทสำคัญ ในการชี้เป็นชี้ตายอนาคตของโลกเล็กๆใบนี้ ก็ล้วนแต่เป็นบุคคลชั้นนำที่อยู่ในความสนใจของชาวโลกกันทั้งนั้นเลยล่ะ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาชมกันเลยดีกว่านะครับ ว่าจะมีใครบ้าง แท่น แท่น แท๊นนนนน…..
อันดับ 8 มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) วัย 67 ปี
เขาเป็นผู้กุมอนาคตทางเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินการคลังของ 18 ชาติสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป มาตั้งแต่ปี 2011 สมัยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลี เขาสร้างผลงานน่าจับตามอง จนได้รับฉายา “ซุปเปอร์มาริโอ” ส่วนจะเก่งจริงสมดังคำร่ำลือหรือไม่ คงต้องพิสูจน์ฝีมือกันว่าจะสามารถเข็นยุโรปให้พลิกฟื้นจากความถดถอยทางเศรษฐกิจได้สำเร็จไหมนะครับ
อันดับ 7 บิล เกตส์ มหาเศรษฐีใจบุญอันดับหนึ่งของโลก วัย 59 ปี
หนึ่งเดียวในทำเนียบผู้ทรงอิทธิพลที่มาจากภาคธุรกิจ ซึ่งประกาศจุดยืนชัดเจนมาหลายปีว่า จะยอมรวยน้อยลง แต่ทำประโยชน์เพื่อสังคมโลกมากขึ้น เขาเลิกบริหารบริษัทของเราและได้จัดตั้งมูลนิธิต่างๆ เพื่อโลก และประเทศที่ 3 มากมายเลยล่ะ รวมถึงการทุ่มงบให้กับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตในอเมริกาอีกด้วย แหม ใจบุญจริงๆ ด้วยล่ะครับ น่าชื่นชมมากๆ
อันดับ 6 เจเน็ต เยลเลน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา วัย 68 ปี
เลื่องลือเรื่องความแม่นยำในการพยากรณ์เศรษฐกิจ, ความเคร่งครัดในจริยธรรม, วินัยเข้ม และการเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงต่อสู้กับปัญหาว่างงาน ถ้าพูดถึงหญิงเก่งที่กุมชะตาโลกด้านเศรษฐกิจ และครองตำแหน่งบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดเป็นอันดับ 6 จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “เจเน็ต เยลเลน” คนนี้นี่เอง
อันดับ 5 อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงสุดแกร่งของเยอรมนี วัย 60 ปี
บุคคลทรงอิทธิพลอันดับ 5 ของโลก ได้รับการบันทึกเป็นผู้นำที่บริหารประเทศยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป เธอโตมาท่ามกลางสังคมคอมมิวนิสต์ เรียนจบด็อกเตอร์ฟิสิกส์ ทำงานวิจัยทฤษฎีควอนตัม พูดได้หลายภาษาทั้งเยอรมัน, อังกฤษ และรัสเซีย สาวเฉิ่มคนนี้พิสูจน์ฝีมือจากการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ทำให้เยอรมนีผงาดเป็นประเทศที่มีตัวเลขส่งออกสูงสุดในโลก และมีอัตราว่างงานต่ำสุดในรอบหลายปี เธอยังงัดข้อกับผู้นำโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน เพื่อแสดงจุดยืนแข็งแกร่งของเยอรมนี!!
อันดับ 4 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โป๊ปผู้สมถะและติดดินที่สุดในประวัติศาสตร์
เขาเป็นผู้ที่สมานรอยร้าวทางศาสนา และกอบกู้ศรัทธาให้กลับคืนมาสู่ชาวคริสต์ทั่วโลก ไม่เพียงจะเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิรูปคริสตศาสนจักรสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ แต่พระองค์ยังทรงเข้ากุมหัวใจคนหนุ่มคนสาว, คนเฒ่าคนแก่, คนรวย, คนจน, ผู้เชื่อมั่นในศาสนา หรือแม้แต่ผู้เอาใจออกห่างพระเจ้า จนถือได้ว่า ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจแห่งปวงชนชาวโลกเลยล่ะ
โดยข้อคิดดีๆ ที่สำคัญที่สุดจากพระองค์หนึ่งเรื่องเลยก็คือ พระองค์ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบการเงินโลกให้เป็นไปตามหลักจริยธรรม ทรงเตือนสติว่า เงินควรมีไว้เพื่อใช้สร้างประโยชน์ แต่ไม่ควรใช้เพื่อควบคุมทุกสิ่งบนโลก ทรงประณามระบบทุนนิยมว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดระบอบเผด็จการ โห….ผมนี้อึ้งไปเลยล่ะครับ สุดยอดจริงๆ
อันดับ 3 สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน วัย 61 ปี
เขามีฝีไม้ลายมือโดดเด่นจนได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลสูงสุดนับตั้งแต่ยุคของประธานเหมาเจ๋อตุงเลยล่ะ เขาคือผู้นำยุคใหม่ที่เป็นความหวังของชาติ เพราะเป็นนักปฏิบัติพันธุ์อึดที่ยึดมั่นในอุดมการณ์, ติดดิน, ทุ่มเททำงานหนัก, ละเอียดรอบคอบ และมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ที่สำคัญมือสะอาดไร้มลทิน
โดยในยุคของ “สี จิ้นผิง” เป็นยุคที่มีการปราบปรามคอร์รัปชันจริงจังที่สุดเลยล่ะ น่าจะยืมหลักการของพี่แกมาปรับใช้ในบ้านเรากันบ้างนะครับ :)
อันดับ 2 บารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนดังแห่งสหรัฐอเมริกา วัย 53 ปี
ถูกแซะอันดับหล่นมาอยู่ที่สองจนได้ โดยถูกหักคะแนนเพราะขาดภาวะผู้นำในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา และการจู่โจมครั้งใหม่ของกระบวนการก่อการร้ายในอิรัก ซึ่งมีกองกำลังรัฐอิสลามแห่งอิรักและอัชชาม (ISIS) เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
แต่ล่าสุดเขาก็ได้ผงาดขึ้นมาประกาศกร้าวว่า พร้อมโจมตีทางอากาศถล่มฐานที่มั่นกองกำลัง ISIS ทุกหนทุกแห่งอย่างไร้ความปรานี เพื่อกำจัดมะเร็งร้ายของโลก และปกป้องพลเมืองของเขา!! คงต้องรอดูกันตอนต่อไปครับผม
อันดับ 1 วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย วัย 62 ปี
ครองแชมป์เพราะความกร้าวแกร่งมาดมั่น และกล้าท้าชนแหลก โดยผลงานบ้าระห่ำล่าสุดที่การันตีความเป็นผู้นำคือ การเดินหน้าผนวกภูมิภาคไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทันทีที่ไครเมียลงประชามติแยกตัวจากยูเครน โดยไม่สนการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก และเสียงประท้วงของชาวยูเครนเลยล่ะ!! โหดมั้ยล่ะครับ
และอีกหนึ่งผลงานสร้างอิทธิพลคับโลกยังรวมถึงการจับมือทำสัญญาท่อส่งก๊าซธรรมชาติกับ “จีน” มหาอำนาจคู่ซี้เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างสถิติใหม่โครงการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำเอาชาติตะวันตกนี่เสียวสันหลังวาบกันเลยล่ะครับ
Source: Thairath