เคล็ดลับง่ายๆ ในการฝึกฟังภาษาอังกฤษ ทั้งสำเนียงบริติชและอเมริกัน

วันนี้ ScholarShip.in.th ก็มีเคล็ดลับการฝึกภาษาเจ๋งๆ มาฝากเพื่อนๆ กันอีกแล้วจ้า เราลองมาชมกันดูได้เลยนะจ๊ะ

เพื่อนๆ ทุกๆ คนก็ย่อมได้เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาล มีความแม่นยำเรื่องแกรมม่าและจำคำศัพท์ได้มากมาย สามารถอ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี แต่มักจะตกม้าตายทุกทีเวลาต้องฟังคนอื่นพูดภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องใช่มั้ยล่ะ

เพราะไม่ว่าจะเป็นสำเนียง สำนวน และน้ำเสียงของผู้พูดก็อาจจะทำให้เรางงได้ง่ายๆ การรวบคำให้กระชับ ประโยคแสลง และอีกสารพัดปัจจัยที่ทำให้การฟังยุ่งยาก แต่เรื่องแบบนี้สามารถฝึกฝนกันได้โดยใช้เคล็ดลับเหล่านี้ครับ

ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอะไรก็ต้องเริ่มจากง่ายไปสู่ยากกันทั้งนั้น ช่วงแรกในการฝึกก็อาจจะตะกุกตะกักอยู่บ้าง  แล้วเกิดฟังไม่เข้าใจขึ้นมา อาจทำให้เกิดอารมณ์สิ้นหวังได้เลยล่ะ ดังนั้นเราจึงควรเริ่มจากฟังอะไรสั้นๆ ง่ายๆ ที่เขาพูดช้าๆ ให้เข้าใจเสียก่อน เน้นฟังสำเนียงที่ถูกต้อง ฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ

โดยขั้นแรกเลยเพื่อนๆ ต้องฟังรอบแรกรวดเดียวจบ โดยไม่ดูบทความที่แนบมากับคลิปเสียง สูดหายใจลึกๆ หามุมที่นั่งสบายๆ ผ่อนคลาย ไม่ต้องกังวลว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง แล้วค่อยกลับมาฟังซ้ำอีกรอบเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมกัน

ต่อไปเริ่ม Advance ขึ้นละนะครับ โดยการฟังแล้วกดหยุดทุกๆ 5 – 10 วินาที แล้วจดบันทึก หรือเขียนทุกๆ คำที่คุณได้ยินให้มากที่สุด พอคลิปเสียงจบแล้ว ก็มาดูกันว่าที่เราเขียนมานี้เราพอจะสรุปใจความสำคัญของเรื่องได้หรือเปล่า?? ขั้นแรกๆ นี้ถ้าพอเข้าใจได้ก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะจ้า

ทีนี้ลองมาฟังคลิปเสียงอีกครั้ง โดยอ่านโน้ตย่อของตัวเองตามไปด้วย เปรียบเทียบโน้ตย่อกับบทความจริงที่ถูกต้อง ถ้าพบว่ามีคำผิดเยอะ ต้องลองวิเคราะห์ดูค่ะว่าปัญหาในการฟังของคุณเกิดจากอะไร บางคนอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะออกเสียงไม่ถูกต้อง ไม่รู้จักคำศัพท์ หรือมีปัญหากับเสียงหนัก เสียงเบา การเชื่อมคำ การรวบประโยค ก็ต้องลองแก้ปัญหาเป็นจุดๆ ไปนะครับ

โดยการเลือกคลิปเสียงแต่ละคลิปนั้น ถ้าเป็นเรื่องราวที่เราชอบและสนใจจะทำให้การฝึกสนุกสนานขึ้น แถมยังเป็นการฝึกฝนที่ดี และให้ความรู้เราไปในตัวอีกด้วยนะครับ ได้ประโยชน์กันหลายต่อเลยล่ะ

ทักษะการฟังไม่สามารถพัฒนาขึ้นในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนทำซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ฟังครั้งนึงไม่กี่นาทีแต่เน้นฝึกบ่อยๆ จะได้ผลดีมากๆ เลยนะครับ

และสุดท้ายนี้เราก็มีเว็บไซต์สำหรับแนะนำผู้ที่ต้องการฝึกการฟังด้วยล่ะ
– สำเนียงอเมริกัน
– สำเนียงบริติช

ที่มา: Hotcourse