ในการไปเรียนต่อหรือสมัครงานนั้น หนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยนั่นก็คือ เรซูเม่ หรือ CV นั่นเองครับผม และแน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยล่ะ
ซึ่งแท้จริงแล้วทั้ง “CV” และ “Resume” เป็นเหมือน ใบประวัติส่วนตัว ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตหรือประวัติส่วนตัวโดยสังเขปของเรา ที่ต้องยื่นให้กับคณะกรรมการ เป็นสิ่งที่จะบอกถึงกิจกรรม ความสามารถ ความสำเร็จต่างๆ ที่เรามี ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัววัดว่าเราจะผ่านการคัดเลือกหรือไม่นั่นเองครับ
ถ้าหากมองเพียงผิวเผินทั้ง “CV” และ “Resume” มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันตรงรายละเอียดของข้อมูล การเขียน CV นั้นจะต้องมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติการศึกษา และการทำงานของตัวเรา อาจหมายรวมถึงงานเขียน งานวิจัย งานจิตอาสา กิจกรรม เกียรติคุณหรือรางวัลต่างๆ นั่นเอง
จึงทำให้ CV จึงมีความยาวมากกว่า Resume อยู่สักหน่อย ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 หน้ากระดาษ A4 และไม่ควรเกินกว่า 3 หน้า ขณะที่ Resume ก็เป็นเหมือนการเอา CV มาย่อส่วน เขียนออกมาแล้วจึงมีความยาวประมาณ 1-2 หน้ากระดาษนั่นเองครับ
การเขียน CV ที่ดีนั้นต้องให้มีความกระชับ ได้ใจความ อย่าใส่เรื่องของตัวเองมากเกินไป มีความถูกต้องทั้งอักษรและแกรมม่าร์ แยกหัวข้อให้ชัดเจน อ่านง่ายสะดวก และที่สำคัญอย่าลืมใส่ความเป็นตัวเองหรือเอกลักษณ์ของเราเข้าไปด้วยนะครับ อย่าลอกหรือ Copy ตามแบบแผนของคนอื่นจะดีกว่าจ้า
การเรียงลำดับก็ควรเรียงจาก ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงานหรือฝึกงาน ความรู้ทางภาษา ความสามารถพิเศษหรือกิจกรรมอื่นๆ นะครับ
สิ่งที่ต้องมีใน CV
– ข้อมูลส่วนตัว (Personal information) : ประกอบไปด้วย ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด และวิธีติดต่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และอีเมล (แนะนำว่าให้ใช้อีเมล์ที่เป็นชื่อและนามสกุลของตัวเองดีกว่า เพราะดูเป็นทางการและทางเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยจะได้จัดเก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น)
– ประวัติการศึกษา (Education) : ให้บอกสาขาที่เรียน ชื่อสถาบัน ปีการศึกษาที่เข้าและจบ โดยเรียงจากระดับสูงสุด (มหาวิทยาลัย) ไปจนถึงโรงเรียนมัธยม แนะนำสถาบันที่เราเคยเรียน หลักสูตร ระยะเวลา และผลการเรียนของเรา โดยระบุวุฒิการศึกษาว่าเป็นประกาศนียบัตร, วุฒิบัตร, หรือปริญญาตรี เป็นต้น
– ประสบการณ์ทำงาน (Work experience) : แนะนำว่าเราเคยทำงานอะไรมาบ้าง มีตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรที่เราดูแลระหว่างทำงาน เคยทำงานพิเศษ ฝึกงาน หรือทำงานตอนไป Work&Travel ขณะกำลังศึกษาอยู่ก็สามารถใส่ข้อมูลได้เลย โดยเรียงลำดับจากงานล่าสุดเป็นต้นไป
– ประสบการณ์การทำวิจัย (Research experience) : เราเคยทำวิจัยเรื่องไหนบ้างและได้ผลลัพธ์อะไร ซึ่งเนื้อหาส่วนนี้จะจำเป็นเมื่อเราสนใจจะสมัครทุน
– กิจกรรมนอกหลักสูตร (Extracurricular activities) : แนะนำว่าเราทำกิจกรรมนอกหลักสูตรอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมชมรม หรือการช่วยเหลือชุมชนต่างๆ
– รางวัล (Awards) : เคยประกวดหรือแข่งขันแล้วได้รางวัล ใบประกาศนียบัตรจากหลักสูตร และกิจกรรมต่างๆ ใส่ตรงส่วนนี้ได้เลย โดยเรียงจากเหตุการณ์ล่าสุด
– ทักษะ (Skills) : โดยทั่วไปจะเป็นทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และภาษาต่างประเทศ ลองนึกดูว่าเรามีความสามารถด้านไหนบ้าง ในส่วนนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสมัครมาก ยกเว้นทุนหรือมหาวิทยาลัยต้องการคนที่มีทักษะเฉพาะ หรือเคยทำงานวิจัยในห้องแลป เป็นต้น
– งานอดิเรกและสิ่งที่สนใจ (Hobbies & Interests) : กิจกรรมที่ชอบทำ ความถนัด หรือความสามารถพิเศษ (ส่วนนี้ไม่ต้องยาวมาก)
– จดหมายรับรอง (References) : ส่วนใหญ่คนที่จะเขียนจดหมายรับรองให้เราได้มักจะเป็นอาจารย์ เจ้านาย หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ต้องไม่ใช่ญาติ หรือเพื่อนสนิท และที่เรียกว่าบุคคลอ้างอิง อีกนัยหนึ่งก็คือ บุคคลที่จะสามารถ ตรวจสอบประวัติและความประพฤติของเราได้ และควรอ้างมา 2-3 ท่าน พร้อมทั้งที่อยู่ที่จะติดต่อได้ และอาชีพของเขาเหล่านั้น
ทีนี้เราก็ทราบกันแล้วนะครับว่าเจ้า CV หรือ Resume นี้คืออะไร มีที่มา ความสำคัญ ความแตกต่างและการใช้ง่านอย่างไร รวมถึงวิธีการทำให้ถูกวิธีแล้วนะจ๊ะ ต่อไปนี้หวังว่า CV และ Resume ของเพื่อนๆ จะถูกต้องตามแบบแผน ครบถ้วน และเตะตาตรึงใจกรรมการทุกๆ ท่านนะจ๊ะ อิอิ
ไว้เรามาพบกับเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการศึกษาและทุนการศึกษาแบบนี้กันได้ใหม่กับ ScholarShip.in.th นะครับผม
ที่มา: Manager
One Comment
Comments are closed.
1vaccination