วันนี้เราก็มีเรื่องราวสุดสะเทือนใจจากในประวัติศาสตร์มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยแหละ ดูกันไว้เป็นความรู้นะจ๊ะ เป็นเรื่องจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่เรียกได้ว่าโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เลยล่ะ
ย้อนไปในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นที่มาของการก่อตั้ง หน่วยปฏิบัติการ 731 ของฝ่ายญี่ปุ่น โดยมีจุดประสงค์ในการใช้สารพิษและอาวุธชีวภาพ หรือพูดง่ายๆ ว่าอาวุธเชื้อโรคเพื่อทำลายพลเมืองทีละเป็นหมื่นเป็นแสนคน จนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่สุดในอาชญากรรมสงครามของญี่ปุ่นเลยล่ะ
เรื่องราวเริ่มขึ้นหลังจากที่ญี่ปุ่นบุกเข้ายึดดินแดนแมนจูเรียในปี 1932 กองทัพญี่ปุ่นได้สร้างค่ายกักกันเชลยซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ป้อมซงหม่า” เชลยในค่ายกักกันได้รับการเลี้ยงดูอย่างอิ่มหมีพีมันผิดกับเชลยในค่ายกักกันแห่งอื่น เนื่องจากพวกเขาจะถูกนำตัวไปเป็นหนูทดลองทางการแพทย์!!! จึงต้องดูแลให้ดีเป็นพิเศษ อื้อหือ หวังผลนี่นาาา
พลโทชิโร อิชิอิ ผู้บัญชาการกรมแพทย์ทหาร ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยตรง แต่แล้วในเดือนสิงหาคม 1934 บรรดานักโทษได้รวมหัวกันแย่งอาวุธและกุญแจจากผู้คุม สามารถแหกค่ายกักกันออกมาได้หลายสิบคน ผู้ที่หนีรอดออกมาได้ป่าวประกาศให้ประชาชนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเชลย ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจปิดป้อมซงหม่าลงในเวลาต่อมา แต่นั่นมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายเท่านั้น…
พลโทอิชิอิ ได้รับอนุมัติเงินงบประมาณก้อนใหญ่สำหรับก่อสร้างนิคมลับแห่งใหม่ เขาเลือกที่ตั้งในประเทศจีน ห่างจากชุมชนในหมู่บ้านปิงฟาง ใกล้กับเมืองฮาร์บิน และเพื่อปกปิดปฏิบัติการลับสุดยอดนี้ ที่แห่งนี้จึงถูกตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานพิเศษ ในชื่อ “สถานีศูนย์วิจัยโรคระบาดและการบำบัดน้ำเสีย”
พลโทอิชิอิ
ในสมัยนั้นมีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตลงเพราะโรคระบาดหลายชนิด เช่น อหิวาตกโรคและซิฟิลิส การรักษาโรคระบาดนั้นจำเป็นต้องเข้าใจถึงการฟักตัวและแพร่กระจายของโรคร้าย การมีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคและบริโภคก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตน้ำสะอาดให้กับกองทหารที่ต้องประจำการสถานที่ใน ต่างถิ่น
อิชิอิ ได้คิดค้นเครื่องผลิตน้ำสะอาดเคลื่อนที่ซึ่งสามารถพกพาติดตัวไปตามสถานที่ต่างๆได้ มันมีประสิทธิภาพถึงขนาดสามารถกรองปัสสาวะให้กลายเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ ว่ากันว่าความสำเร็จนี้ทำให้เขาได้เข้าเฝ้าและสาธิตการทำงานต่อหน้าพระ พักตร์จักรพรรดิฮิโรฮิโตเลยทีเดียว
ภายใน สถานีศูนย์วิจัยโรคระบาดและการบำบัดน้ำเสีย ถูกแบ่งออกเป็นหน่วยงานย่อยๆ หลาย แห่ง และหนึ่งในนั้นคือ หน่วย 731 ที่มีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าออกหน่วยงานนี้ได้ แม้แต่ทหารญี่ปุ่นเองหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่รู้ว่าหน่วยงานนี้รับผิดชอบเรื่องอะไร ดังนั้น หน่วย 731 จึงเป็นหน่วยงานลับที่ซ่อนตัวอยู่ในนิคมลับอีกทีหนึ่ง
บรรดาเชลยถูกกวาดต้อนมาคุมขังในหน่วย 731 ส่วนใหญ่เป็นชาวแมนจูเรีย รองลงมาคือชาวฟิลิปปินส์และเกาหลี ส่วนที่เหลือเป็นชาวรัสเซีย ด้วยเหตุที่คนภายนอกเชื่อว่าหน่วย 731 คือ โรงเลื่อย ทหารญี่ปุ่นจึงเรียกพวกเชลยแบบติดตลกว่า ท่อนซุง ! ฟังดุน่ากลัวมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ
สิ่งที่ทำให้หน่วย 731 เป็นความลับสุดยอดก็เพราะมันเป็นศูนย์วิจัยอาวุธชีวภาพ เชลยที่ถูกกวาดต้อนมาทุกคนจะถูกนำไปเป็นหนูทดลองเพื่อศึกษาการระบาดของโรค ติดต่อร้ายแรง และระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆทั้งในและนอกร่างกายขณะที่ผู้ถูกทดลองยังคงมี “ลมหายใจ” และหากอิชิอิ ต้องการศึกษาการทำงานของหัวใจ เขาก็จะเอามีดกรีดลงบนหน้าอกเชลยแล้วแหวะดูดื้อๆ ที่สำคัญคือไม่มีการวางยาสลบผู้ถูกทดลอง พวกเขายังคงมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ!!!
อกิร่า มากิโนะ หนึ่งในผู้ช่วยแพทย์ เล่าถึงเหตุการณ์ในวันแรกที่เขาถูกส่งตัวไปทำงานในหน่วย 731 ว่า เชลยถูกนำตัวมามัดติดบนเตียงผ่าตัด พวกเขารู้ตัวว่าวาระสุดท้ายได้มาถึงแล้ว หากแต่สิ่งที่เชลยยังไม่รู้คือพวกเขาจะถูกผ่าแยกร่างทั้งเป็นโดยไม่มีการวาง ยาสลบ!!!
ทันทีที่แพทย์หยิบมีดหมอ เชลยก็ส่งเสียงร้องตกใจ แพทย์กรีดมีดจากหน้าอกยาวลงไปถึงหน้าท้อง ผู้เคราะห์ร้ายดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สาเหตุที่ไม่มีการใช้ยาสลบก็เนื่องจากอิชิอิเกรงว่าฤทธิ์ยาสลบอาจมีผลต่อการ ทำงานของอวัยวะ ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้การทำงานของอวัยวะได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โหดร้ายแบบสุดๆ !!!
และยังมีการทอดลองอันน่าสยดสยองมากมาย เช่น..
– การตัดอวัยวะออกจากร่างแล้วต่อกลับเข้าไปใหม่แต่สลับข้าง
– การใส่สารพิษที่คิดค้นมาใหม่ลงไปในหารและน้ำดื่ม เพื่อฆ่าประชาชนทีละมาก ๆ
– การสอดท่อเข้าทวารหนักแล้วอัดอากาศเข้าไปจนอวัยวะภายในระเบิด
– การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง
– การบังคับ ให้หญิงสาวร่วมเพศกับชายที่ป่วยเป็นโรคซิฟิลิส (หนองใน) นับสิบคน เพื่อศึกษาการพัฒนาเชื่อซิฟิลิสที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
– การฉีดเลือดสัตว์ที่มีเชื่อเข้าร่างกายมนุษย์ที่ถูกจับมา เป็นเหยื่อ เพื่อดูผลการแพร่เชื้อในมนุษย์เป็น ๆ
– การจับ เหยื่อห้อยหัวลงจนกว่าจะตาย เพื่อทดสอบความทนในการเอาชีวิตรอด
– การจับเหยื่อเข้าไปในห้องทดลอง และอัดความดันหรือดูดอากาศออกจนร่างระเบิดเละ
– การทดสอบอานุภาพของระเบิดมือโดยใช้คนเป็นเป้า
– การจับ มนุษย์เปลือยร่างแช่ในน้ำอุณหภูมิเป็นลบ
– การตัดเอา ชิ้นส่วนมนุษย์ออก เช่น ตัดกระเพาะออก นำลำไส้ต่อตรงมาที่หลอดอาหารเพื่อดูว่ามนุษย์ไม่มีกระเพาะอาหารจะมีชีวิต อยู่ได้หรือไม่
– การตัดแขนขา และนำต่อใหม่ด้วยการสลับข้าง ฯลฯ
– ซากของเหยื่อผู้ เคราะห์ร้ายจะถูกโยนเข้าไปในเตาเผาด้านหลังของหน่วยปฏิบัติการ
และระหว่างการทดลองหากนักโทษคนใดขัดขืนคำสั่งจะถูกยิงทันที!!! อิชิอิเฝ้าดูอาการของผู้ได้รับเชื้อโรค ทำการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในระยะต่างๆจนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิต นักโทษบางคนถูกจับให้ยืนแหงนหน้าอ้าปากในที่โล่งแจ้งโดยไม่รู้ตัวว่าอิชิอิ ได้โปรยเชื้อโรคเข้าใส่เพื่อทำการทดลองว่าเชื้อโรคชนิดนั้นสามารถแพร่ กระจายโดยทางอากาศได้หรือไม่นั่นเอง
เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ อิชิอิได้ทำการทดลองขั้นต่อไปโดยการสร้างระเบิดชีวภาพ เขาปล่อยเชื้อโรคลงในแหล่งน้ำของหมู่บ้านหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดโรคระบาดมีผู้คนเสียชีวิตราว 400,000 คน ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยใช่มั้ยล่ะ
ต่อมา การทดลองระเบิดชีวภาพได้ถูกระงับชั่วคราว หลังจากที่ประสบความล้มเหลว ในการทดลองครั้งที่ 5 เมื่ออิชิอิ ยิงระเบิดชีวภาพเข้าใส่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง กระแสลมได้เปลี่ยนทิศกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว ลมหอบเอาเชื้อโรคโหมเข้าใส่กองทหารญี่ปุ่นทำให้ทหาร 1,700 นายเสียชีวิต นั่นแหละ กรรมตามสนองเลย
อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองพิสูจน์แล้วว่าระเบิดชีวภาพมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงอย่าง เหลือเชื่อ กองทัพญี่ปุ่นวางแผนที่จะใช้อาวุธชีวภาพบรรจุใส่บอลลูน 200 ลูก ปล่อยมันขึ้นจากเรือดำน้ำใกล้กับชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐ กระแสลมจะทำหน้าที่พัดบอลลูนเข้าสู่แผ่นดิน หากแผนการนี้สำเร็จจะมีคนเสียชีวิตเพราะโรคระบาดจำนวนหลายล้านคนเลยล่ะ
นับว่ายังโชคดีที่ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะมีการนำอาวุธชีวภาพมาใช้ อิชิอิสั่งให้สังหารเชลย 150 คนที่เหลืออยู่ในหน่วย 731 เพื่อปิดปากไม่ให้มีพยาน และสั่งเจ้าหน้าที่ทุกคนห้ามเอ่ยถึงเรื่องราวที่ เกิดขึ้นในหน่วย หาไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะส่งคนไปตามล่าสังหารผู้ที่ปากโป้ง เขาไม่ลืมที่จะสั่งให้ทหารทำลายหลักฐานและอาคารสำคัญๆทิ้ง จากนั้น อิชิอิก็เดินทางกลับไปซ่อนตัวในประเทศญี่ปุ่น
ด้วยเหตุนี้เอง พลเอกดักลาส แมคอาร์เธอร์ จึงได้มอบหมายให้ พลโทเมอร์เรย์ แซนเดอร์ ไปทำการเจรจากับอิชิอิ ยื่นข้อเสนอให้ส่งมอบข้อมูลงานวิจัยทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ดำเนินคดีในข้อหาอาชญากรสงคราม ซึ่งแน่นอนว่า อิชิอิ ยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี ซึ่งตลอดระยะเวลา 60 ปี สหรัฐให้ความร่วมมือปกปิดการมีตัวตนของหน่วย 731 ไม่มีเจ้าหน้าที่แม้แต่คนเดียวถูกดำเนินคดีแม้จะมีเชลยอย่างน้อย 12,000 คนเสียชีวิตในที่แห่งนี้!!!
ถึงอย่างงั้น! สหรัฐก็ยังคงสามารถสืบทราบปฏิบัติการลับยิ่งกว่าลับของฝ่ายญี่ปุ่น จากข้อมูลที่ระบุว่า อิชิอิ ประสบความสำเร็จในการทดลองหลายอย่าง เช่น การรักษาโรคหิมะกัด ความรู้ด้านการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรคระบาด ตลอดไปจนถึงการสร้างระเบิดชีวภาพ ทำให้สหรัฐมีความสนใจต้องการนำความรู้เหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์ทางการทหารของตนเองต่อไป จะว่าไปความรู้ด้านดีๆ ก็มีนะเนี่ย แต่วิธีการที่ได้มาน่ากลัวสุดๆ ไปเลยล่ะ
และนี่คือภาพของ พิพิธภัณฑ์ การจำลองเหตุการณ์ และอุปกรณ์ตต่างๆ ที่ขุดพบล่ะจ้า สยดสยองไม้แพ้กัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ที่มา: TeenMthai