ล่าสุด ทาง Quacquarelli Symonds หรือ QS สำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากประเทศอังกฤษ ได้ประกาศผลการจัดอันดับเมืองน่าเรียน หรือ “QS Best Student Cities 2016” เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไปชมกันว่าทั้ง 10 อันดับ เมืองที่น่าเรียนสำหรับนักศึกษาในปี 2016 จะมีเมืองไหนบ้าง
อันดับ 1 : ปารีส (Paris) ประเทศฝรั่งเศส
“นครปารีส” ดินแดนแห่งแฟชั่น น้ำหอม และหอไอเฟล แชมป์เก่าหลายสมัยที่ยังไม่มีเมืองไหนโค่นได้ โดยในปี 2016 มีจำนวนมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอันดับโดย QS ทั้งสิ้น 18 แห่ง และมหาวิทยาลัย “Ecole normale supérieure” ติดอันดับโลกสูงสุดในอันดับที่ 23 และยังเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก(Global Liveability Ranking) อันดับที่ 29 เมื่อปี 2015 อีกด้วย
อันดับ 2 : เมลเบิร์น (Melbourne) ประเทศออสเตรเลีย
เมืองใหญ่อันดับสอง ของประเทศออสเตรเลีย เมลเบิร์นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการศึกษา และเมืองแห่งศิลปะ บรรยากาศดี มีชายหาดและแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนมากมาย อันดับ 1 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก (Global Liveability Ranking) ประจำปี 2015 และเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลกอันดับที่ 185 นั่นเอง
อันดับ 3 : โตเกียว (Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น
อันดับ 3 ในปีนี้ตกเป็นของ “เมืองโตเกียว” จากประเทศญี่ปุ่น ที่ไต่อันดับขึ้นมาจากปีที่แล้วในอันดับที่ 7 และยังเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกอันดับที่ 15 แม้จะเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ถ้ารวมกับหลายองค์ประกอบแล้วโตเกียวยังเป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา
อันดับ 4 : ซิดนีย์ (Sydney) ประเทศออสเตรเลีย
เมืองที่สองสำหรับประเทศออสเตรเลียที่สามารถคงอันดับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา ในปี 2016 และยังเป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกอันดับที่ 7 เมืองยอดฮิตที่เหล่านักเรียนนักศึกษานิยมไปเรียนต่อมากที่สุดในโลกอยู่ในอันดับที่ 3 อีกด้วย
อันดับ 5 : ลอนดอน (London) ประเทศอังกฤษ
เมืองลอนดอน ในปี 2016 ตกลงมาจากอันดับที่ 3 จากปี 2015 มีมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ในอันดับโลกมากที่สุดถึง 19 แห่ง “UCL (University College London)” ติดอยู่ในอันดับที่ 7 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดอยู่ในอันดับที่ 14 ของโลก
อันดับ 6 : สิงคโปร์ (Singapore)
ประเทศสิงคโปร์มีมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ในการจัดอันดับโดย QS เพียง 3 แห่ง และ “National University of Singapore” ติดอยู่ในอันดับที่ 12 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก 2016 นอกจากนี้ประเทศสิงคโปร์ยังมีความโดดเด่นในด้านเมืองที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดในโลกอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก และยังเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงอันดับที่ 11 ของโลกอีกด้วย
อันดับ 7 : มอนทรีออล (Montréal) ประเทศแคนาดา
มอนทรีออล จากประเทศแคนาดา เมืองสวย บรรยากาศดี การศึกษาเยี่ยม อันดับที่ 14 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดโลก มีคะแนนโดดเด่นในเรื่องของความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษาต่างชาติ ทำให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง และมอนทรีออลยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่มีประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลก รองจากปารีส
อันดับ 8 : ฮ่องกง (Hong Kong)
ฮ่องกง เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก อยู่ในอันดับที่ 2 และยังมีความโดดเด่นในเรื่องของความปลอดภัยทุกคนเคารพกฎหมาย อยู่ในอันดับที่ 21 เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก และเป็นเมืองที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดอันดับที่ 15 ของโลกอีกด้วย
อันดับ 9 : เบอร์ลิน (Berlin) ประเทศเยอรมนี
ครั้งนี้เบอร์ลินกลับมาอีกครั้งในอันดับที่ 9 ของโลกเลยทีเดียว โดยมีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลกด้วยกันทั้งหมด 3 แห่ง และยังเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกอันดับที่ 20 มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดติดอันดับ 12 ของโลกอีกด้วย สิ่งสำคัญที่ช่วยในการส่งเสริมให้เบอร์ลินกลายเป็นเมืองแห่งการศึกษาก็คือ มหาวิทยาลัยของรัฐบาลส่วนใหญ่จะไม่เก็บค่าเล่าเรียน ทั้งนักศึกษาในท้องถิ่น และนักศึกษาชาวต่างชาติ (ยกเว้นหลักสูตรปริญญาโทบางส่วน)
อันดับ 10 : โซล (Seoul) ประเทศเกาหลีใต้
อีกหนึ่งเมืองจากเอเชียที่ติดอยู่ในอันดับ Top10 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา ประจำปี 2106 “กรุงโซล” จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ยังคงตำแหน่งเดิมจากปี 2015 โดยมีมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ในอันดับโลกทั้งหมด 18 แห่ง มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดคือ “Seoul National University” อยู่ในอันดับที่ 36 ของโลก แต่โซลก็ยังคงเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงติดอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลกเลยทีเดียว
Source:manager