สำหรับปริญญาดทก็เรียกได้ว่ามีมากมายหลายประเภทเหลือเกิน ทั้งการเรียนต่อภายในและต่างประเทศ แต่หลักๆ แล้วอาจเรียกได้ว่าแบ่งเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือแบบเข้าเรียน กับแบบทำวิจัยนั่นเอง
แต่ที่จริงแล้วมันสามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้ 3 ประเภทเลยล่ะ คือ ปริญญาโทตามหัวข้อวิชา ปริญญาโทตามความเฉพาะทาง และสุดท้าย ปริญญาโทตามคุณสมบัติแรกเข้า และวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักทั้ง 3 ประเภทนี้กัน!!!
ปริญญาโทตามหัวข้อวิชา
พูดง่ายๆ เลยก็คือเป็นปริญญาโทตามชื่อหัวข้อวิชานั่นเอง แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่มีมาตรฐานการตั้งชื่อตายตัว ดังนั้นชื่อหรือเนื้อหาวิชาอาจมีความแตกต่างกันบ้างในแต่ละสถานศึกษา
Master of Arts (MA) ครอบคลุมทั้งวิชาทางศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ เช่น นิเทศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วรรณกรรม ธรณีวิทยา ประวัตศาสตร์ และดนตรี โดยการเรียนการสอนจะมีทั้งเลคเชอร์และสัมมนา
Master of Science (MS, MSc) จะครอบคลุมวิชาสายวิทยาศาสตร์ทั้งหมด เช่น ชีววิทยา เคมีวิทยา วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ และสถิติศาสตร์ ที่น่าสนใจคือ เศรษฐศาสตร์และสังคมศาสตร์อาจถูกนับเป็น MA หรือ MSc ก็ได้
Master of Research (MRes) มันถูกออกแบบมาให้ผู้ที่ต้องการจะเป็นนักวิจัยโดยเฉพาะ และแน่นอนว่าจะเน้นการศึกษาไปที่การทำวิจัยที่มากกว่าหลักสูตร MA และ MSc โดยจะปูทางให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนต่อในปริญญาเอกหรือก้าวเข้าสู่อาชีพนักวิจัยได้ทันที แต่จงระวังไว้ด้วยว่าบางมหาวิทยาลัยอาจตั้งชื่อหลักสูตรนี้เป็น MSc แบบปกติ!!!
Master by Research (MPhil) ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ MPhill นับเป็นขั้นกว่าของ MRes นั่นเอง โดยจะศึกษาในหัวข้อใดหัวข้อนึงเท่านั้น แต่จะเจาะลึกลงไปในรายละเอียดแบบสุดๆ เพื่อเป้าหมายสูงสุดนั่นคือโครงงานวิจัยชิ้นใหญ่ อาจพูดได้ว่า MPhill เป็นตัวจำลองที่บางมหาวิทยาลัยก็ได้อนุญาตให้นักศึกษาได้มาชิมลางก่อนก้าวไปสู่ PhD (ปริญญาเอก) นั่นเอง
Master of Studies (MSt) จะมีสอนเฉพาะในบางมหาวิทยาลัยเท่านั้น เช่น Oxford, Cambridge, Canberra และ Dublin มันสามารถเปรียบเทียบได้กับ MA หรือ MSc ซึ่งอาศัยการเรียนในห้องเรียน การทำวิทยานิพนธ์ และการสอบนั่นเอง
ปริญญาโทตามความเฉพาะทาง
จะเน้นศึกษาเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการพัฒนาในสายอาชีพเท่านั้น บางครั้งอาจขึ้นต้นด้วยคำว่า Professional เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเฉพาะเจาะจงในสายอาชีพ
Master of Business Administration (MBA) ถูกออกแบบเพื่อให้นักศึกษามีทักษะและความรู้สำหรับประกอบอาชีพทางธุรกิจหรือบทบาทในการจัดการ นักศึกษาจะได้รับการสอนในทุกด้านของธุรกิจ ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานในหลากหลายอาชีพ นักศึกษาหลายคนก็อยู่ในวัยทำงาน รวมถึงบางสถาบันยังมีข้อกำหนดให้ผู้สมัครมีประสบการณ์ทำงาน 3 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นเรายังสามารถที่จะเลือกเรียน MBA ไปพร้อมกับวิชาเฉพาะทางอื่นๆ เช่น การบัญชี และการเงิน เพื่อให้เหมาะสมกับความสนใจ
Master of Library Science (MLS, MLIS, MSLS) ถูกออกแบบเพื่อนักศึกษาได้รับทั้งความรู้จากตำราและการทำงานในสถานที่ทำงานจริง โดยอาจให้นักศึกษาได้มีโอกาสฝึกงานในห้องสมุดต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยได้เลือกไว้ แต่ก่อนจะจบหลักสูตรได้ก็ต้องส่งโครงงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ด้วย!!!
Master of Public Administration (MPA) จะมีเนื้อหาวิชาที่คล้ายกับ MBA แต่ต่างกันที่จะศึกษาในส่วนของสาธารณะมากกว่าในส่วนของบุคคล นักศึกษาสามารถเลือกเรียนในหัวข้อต่างๆ เช่น สิ่งแวดล้อม การบริหารระหว่างประเทศ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป้าหมายในการทำงานราชการ เอกชน องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
Master of Public Health (MPH) จะศึกษาทั้งในส่วนทฤษฎีและวิชาชีพเพื่อให้สอดคล้องกับงานสาธารณสุข นักศึกษาจะได้เรียนรู้การติดตามผล การวินิจฉัย และการควบคุมงานสาธารณสุขของชุมชนผ่านนโยบายสาธารณะค่ะ MPH ยังมีการเรียนในศาสตร์เฉพาะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบาดวิทยา สาธารณสุขโลก สาธารณสุขในอาชีพต่างๆ วิทยาศาสตร์อาหาร ที่สำคัญก็คือในขณะที่หลายประเทศยอมรับเฉพาะนักศึกษาแพทย์ แต่บางประเทศก็มีการยอมรับนักศึกษา MPH ให้ดูแลงานในส่วนที่กล่าวมาเช่นกัน
Master of Social Work (MSW) เน้นให้นักศึกษาได้มีความพร้อมสำหรับงานสังคมสงเคราะห์ โดยให้ความสนใจกับการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของบุคคล กลุ่ม และสังคม อีกทั้ง MSW ยังแบ่งออกเป็น clinical degree ซึ่งจะสอนให้ลงมือทำงานโดยตรงเลย กับ macro-practice degree ที่จะสอนให้ทำงานสนับสนุนทางการเมืองและการจัดการชุมชน
Master of Laws (LLM) มักจะเรียนต่อเนื่องมาจากปริญญาตรีทางกฎหมาย
Master of Arts in Liberal Studies (MA, MALS, MLA/ALM, MLS) เป็นหลักสูตรที่ผสมความรู้หลายด้านของศิลปศาสตร์ โดยจะเรียนทั้งแบบเจาะลึกและแบบกว้าง โดยทั่วไปนักศึกษาจะเลือกหลักสูตรนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองนั่นคือการหาความรู้ในเรื่องที่ตนสนใจ และการค้นหาไอเดีย มากกว่าการเรียนเพื่อไปทำงาน
Master of Fine Arts (MFA) เป็นหลักสูตรที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์ โดยมีให้เลือกเรียนทั้งทัศนศิลป์ ศิลปะการแสดง และการถ่ายทำต่างๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงงานเขียนเชิงสร้างสรรค์ graphic design การถ่ายรูป การถ่ายทำภาพยนตร์ และการวาดภาพอีกด้วยค่ะ การเรียนและการประเมินจะเป็นแบบปฏิบัติทั้งหมด โดยจะเน้นไปที่โปรเจคใหญ่หรือการแสดง
Master of Music (MM/MMus) จัดสอนจากทั้งมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยดนตรี
Master of Education (MEd, MSEd, MIT, MAEd, MAT) เป็นหลักสูตรสำหรับคนที่อยากประกอบอาชีพในวงการการศึกษา บางหลักสูตรก็เปิดให้เรียนเพื่อให้ได้การรับรอง แต่บางหลักสูตรก็เพื่อเพิ่มความรู้เฉยๆ
Master of Engineering (MEng) มีทั้งหลักสูตรที่เน้นการเรียนทฤษฎี และเน้นการเรียนภาคปฏิบัติ โดยบางหลักสูตรอาจต้องการให้นักศึกษาได้เข้าฝึกงานกับโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงปิดเทอมด้วย
Master of Architecture (MArch) จะมีการประเมินผ่านการฝึกงาน การสอบ และวิทยานิพนธ์หรือโครงงาน เพื่อให้ได้ใบอนุญาต แต่เนื่องจากว่า MArch เปิดสอนในหลายสาขามาก จึงทำให้เพื่อนๆ อาจเจอชื่อที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละสาขานั้นๆ โดยนักศึกษาต้องเข้าเรียนตามในรายวิชาต่างๆ เช่น การออกแบบ วิทยาศาสตร์อาคาร วิศวกรรมโครงสร้าง ประวัติศาสตร์สถาปัติยกรรม ทฤษฎีสถาปัติยกรรม และการฝึกงาน
ปริญญาโทตามคุณสมบัติแรกเข้า
เป็นข้อกำหนดที่สำคัญที่ผู้สมัครจำเป็นจะต้องมีเพื่อใช้ในการศึกษาต่อปริญญาโท อย่างแรกเลยก็คือผู้สมัครต้องจบการศึกษาในระดับ ป.ตรี ก่อน อย่างที่สองก็อาจจะเป็นประสบการณ์ทำงาน โดยจะระบุเป็นตัวเลขที่แน่ชัด
Business or management master’s degrees (MBA, MSc, MIM, MSM, MA, MEM) สำหรับหลักสูตรเหล่านี้ มักจะต้องการประสบการณ์ทำงานมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ MBA สาขาการบริหารจัดการมักจะต้องการปริญญาตรีสังคมศาสตร์ ในขณะที่ MA สาขาการบริหารจัดการสามารถรับได้ทุกสาขาของปริญญาตรี ส่วน Masters in Engineering Management (MEM) จะออกแบบมาเพื่อนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์เท่านั้น
Executive master’s degrees (EMBA, EMS) ถูกออกแบบมาเพื่อผู้บริหารโดยเฉพาะ โดยผู้สมัครจะต้องมีประสบการณ์ด้านการบริหาร ซึ่งจะมากกว่าในหลักสูตร MBA
Postgraduate research master’s degrees (Master by Research) ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่จบปริญญาตรีและมีผลงานวิจัยชิ้นสำคัญ หรือได้รับการตีพิมพ์เท่านั้น
Integrated master’s degrees (MEng, MMath, MSci, etc) เป็นหลักสูตรต่อเนื่องมาจากปริญญาโดยตรง มักจะมีในหลักสูตรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่สำคัญคือผู้เรียนสามารถสมัครเข้าหลักสูตรนี้เลยหลังจากเรียนจบ high school โดยทั่วไปหลักสูตรจะใช้เวลามากกว่าปริญญาตรี 1 ปี ดังนั้นผู้เรียนอาจหยุดการเรียนปีสุดท้ายเพื่อขอจบเพียงปริญญาตรีก็ได้
และนี่คือประเภททั้งหมดของการเรียนต่อในระดับปริญญาโทจากทั้งในและต่างประเทศเลยนะครับ หวังว่าเพื่อนๆ จะเลือกสาขาที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์ที่สุดกันนะ และสุดท้ายก็ต้องขอบคุณบทความดีๆ ต้นเรื่องจากทาง Hotcourse ครับผม ^^