ด็อกเตอร์ Jack Schafer อดีตเจ้าหน้าที่ FBI ผู้เขียนหนังสือ The Like Switch: An Ex-FBI Agent’s Guide to Influencing, Attracting and Winning People Over โดยแบ่งปันเทคนิคเกี่ยวกับกฎแห่งมิตรภาพและสิ่งที่ดึงดูดใจ
ซึ่งวิธีการของเขาประสบความสำเร็จและหน่วยงานราชการลับของอเมริกาก็นำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี ก่อนจะเผยแพร่สู่สาธารณชนเมื่อไม่นานมานี้ มาดูเทคนิคง่ายๆ แต่เปี่ยมประสิทธิภาพที่จะช่วยส่งเสริมในเรื่องชีวิตส่วนตัวและการทำงานของคุณให้ดีขึ้น
1. เอียงศีรษะไปทางด้านข้าง
สังเกตไหมว่าผู้หญิงมักเอียงหัวไปด้านข้างมากกว่าผู้ชาย?? ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ผู้ชายมักใช้ในธุรกิจเมื่อพวกเขาให้ความสำคัญกับการเน้นย้ำ การเอียงของศีรษะไปด้านข้างเป็นสัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจ
ในทางตรงกันข้าม การกรอกตาและเอียงหัวกลับ บ่อยครั้งที่ถูกมองว่าไม่เป็นมิตร แม้จะทำในลักษณะของการความตลกก็ตาม
.
2. ปรับปรุงการแสดงออกทางสีหน้าด้วยคิ้ว
คนที่การยกคิ้วสูงเมื่อพบปะกับคนอื่นคือต้องการทำให้ทราบว่าไม่ได้มีเจตนาก้าวร้าว ซึ่งสมองของเราตระหนักถึงสัญญาณนี้จากระยะไกลได้ถึง 2 เมตร และรับรู้ว่าบุคคลดังกล่าวพอใจในการติดต่อสื่อสาร
3. ยิ้มด้วยสายตาโดยไม่ฉีกยิ้ม
รอยยิ้มที่แท้จริงจะมีรอยเล็กๆ ปรากฏรอบดวงตา ที่โหนกแก้ม และมุมปากจะขยับขึ้น ซึ่งการแสร้งให้มีรอยยิ้มเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักโดยคุณจะต้องนึกถึงเรื่องตลกและน่ารื่นรมย์เข้าไว้
4. ไม่พูด “You are welcome”
แทนที่จะพูดประโยค “You are welcome” (ด้วยความยินดี) ให้เปลี่ยนมาใช้ประโยค “I think you would have done the same thing if you were me.” (ฉันคิดว่าถ้าเป็นคุณก็คงทำเช่นเดียวกับฉัน) ซึ่งเป็นคำพูดที่สื่อถึงการพึ่งพาซึ่งกันและกัน
5. ใช้การกระซิบ
การกระซิบเป็นรูปแบบการสื่อสารในแบบสนิทสนมกัน ในบางครั้งให้พูดประโยคในรูปแบบกระซิบพร้อมเอนตัวไปใกล้เหมือนกำลังแบ่งปันความลับ และคู่สนทนาก็จะเอียงเข้าให้คุณโดยสัญชาติญาณ
6. ให้อีกฝ่ายได้ชื่นชมตัวเอง
วิธีที่ดีที่สุดในการให้คำชมคือการกระตุ้นให้คนคนนั้นยกย่องตัวเองบ้าง ในระหว่างการสนทนาคุณก็ช่วยกระตุ้นฝ่ายตรงข้ามให้พูดคุยเกี่ยวกับความสำเร็จหรือคุณธรรมของตัวเอง พร้อมกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ เช่น “คุณทำมันเองจริงๆ เหรอ แล้วคุณจัดการได้อย่างไร??” ซึ่งเป็นคำถามที่ใช้กระตุ้นให้คู่สนทนาชมเชยตัวเอง
7. ทำพลาดต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามบ้าง
เจตนาสร้างความผิดพลาดในระหว่างสนทนาเพื่อแสดงความลังเลออกมาและปล่อยให้อีกฝ่ายช่วยแก้ให้ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้คู่สนทนารูปสึกมั่นใจมากขึ้น และสอีกฝ่ายจะรู้ว่าคุณเป็นคนที่บำบัดอาการอึดอัดโดยใช้ความเข้าใจ
8. ใส่ใจเรื่องภาชนะเมื่ออยู่ด้วยกัน
ถ้าคู่สนทนาวางถ้วยกาแฟที่ราวกับกำลังสร้างกำแพงเช่นนี้ แสดงว่าต้องการเพิ่มระยะห่าง ทั้งนี้บทบาทของถ้วยสามารถถูกแทนที่ด้วยแจกันดอกไม้หรือป้ายโฆษณา
ลองสังเกตดูว่าตอนที่คุณนั่งลงที่โต๊ะกับเพื่อนคุณจะเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งหมดไปไว้ด้านข้างเพื่อเพิ่มช่องว่างสำหรับการสนทนา
9. ดูที่ริมฝีปากและลูกตาดำของคู่สนทนา
คนที่สัมผัสริมฝีปากด้วยนิ้วหรือวัตถุบ่งบอกว่ารู้สึกอาย กรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณยิงคำถามที่อีกฝ่ายไม่สะดวก ดังนั้นท่าทางเหล่านี้จึงช่วยให้สามารถเปลี่ยนเรื่องและแก้ไขสถานการณ์ได้
นอกจากนี้ยังสามารถเรียนรู้สัญญาณต่างๆ ได้จากลูกตาดำ ซึ่งสมองของเราชอบให้ลูกตาดำของคู่สนทนาที่ขยายใหญ่ เพราะนั่นเป็นสัญญาณของความเห็นอกเห็นใจและความสนใจ
10. หากสถานการณ์ไม่ราบรื่นลองนึกถึงภาพเก่าๆ
มักเกิดขึ้นกับคนที่ชอบพอกันหลังจากมีอุปสรรคและความขัดแย้งโดยความสัมพันธ์นี้มักแข็งแกร่งกว่าคู่ที่เริ่มต้นความสัมพันธ์อย่างราบรื่นปราศจากความขัดแย้ง ซึ่งปรากฏการณ์นี้กลายเป็นหนังซ้ำซากจำเจแต่ได้นิยม
กล่าวคือ ในตอนแรกตัวละครอยู่ในความสัมพันธ์แบบศัตรูไม่ถูกชะตา ก่อนจะค่อยๆ รู้จักกันมากขึ้น กลายมาเป็นเพื่อนหรือคู่รัก
ที่มา brightside