10 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกินวิตามินของคุณให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น

สำหรับบางคน การกินอาหารที่มีประโยชน์คือการเปิดรับวิตามินตามธรรมชาติที่เพียงพออยู่แล้ว แต่สำหรับอีกหลายๆ คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง การหาอาหารเสริมจำพวกวิตามินมาช่วยบำรุงก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพได้เช่นกัน

หากคุณเป็นหนึ่งในผุ้ที่กินวิตามินเพื่อดูแลสุขภาพ นี่คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้วิตามินเหล่านั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1. กินวิตามินพร้อมอาหาร : เนื่องจากกระบวนการย่อยจะช่วยให้เกิดการดูดซึมที่ดีกว่า

2. ศึกษาวิตามินแบบที่ละลายในน้ำและไขมัน : เพื่อให้คุณรู้ถึงผลข้างเคียงและการดูดซึมของวิตามินแต่ละประเภท

3. กินไขมันดีควบคู่กับวิตามินที่ละลายในไขมัน : เนื่องจากมันจะช่วยให้วิตามินนั้นได้รับการดูดซึมได้ดีขึ้น จากการละลายที่ดีขึ้น

4. ศึกษาการจับคู่การกิน : วิตามินบางตัวจะทำงานได้ดีเมื่ออยู่ร่วมกัน เช่นแคลเซียมกับวิตามิน D ดังนั้นหากคุณรู้ข้อนี้จะทำให้คุณเลือกได้ว่าอยากบำรุงส่วนไหนเป็นพิเศษ

5. เช่นเดียวกับข้อ 4 : วิตามินบางตัวก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากกินแยกกัน เช่น Zinc และ copper ดังนั้นคุณจึงควรดูให้ดีว่ามีสารอาหารตัวไหนที่ควรกินแยกกันบ้าง

6. ระมัดระวังในการดื่มน้ำเกรปฟรุ้ต : เนื่องจากสารในน้ำเกรปฟรุ้ตนั้นไม่เพียงเพิ่มความแรงให้กับการอาหาร แต่บางครั้งมันยังรบกวนการดูดซึมอีกด้วย

7. ตรวจเลือด : วิธีที่ดีที่สุดที่จะเช็คว่าคุณได้รับวิตามินที่เพียงพอหรือไม่นั่นคือการตรวจเลือดเพื่อให้ทราบว่าคุณต้องเพิ่มหรือลดสารอาหารอะไร

8. รู้วิธีเก็บรักษาวิตามิน : วิตามินบางชนิดมีความละเอียดอ่อนเมื่อเจอกับแสงเเดดหรืออุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพจึงจะทำได้ง่ายๆ เมื่อคุณรู้วิธีเก็บที่ถูกต้อง

9. กินให้ถูกเวลา : วิตามินแต่ละประเภทมีเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการกิน เช่นว่า วิตามิน B ทุกชนิดควรกินตอนเช้าเนื่องจากมันจะให้พลังงาน การศึกษาในเรื่องนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพของการกินวิตามินได้

10. ระมัดระวังการดื่มกาแฟ : การดื่มกาแฟในตอนเช้าอาจทำให้การดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงเร่งการขับสารเหล่านี้ให้ออกมาในรูปแบบของปัสสาวะ ดังนั้นคุณอาจต้องลดปริมาณคาเฟอีนลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนี้

เรื่องเหล่านี้เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการกินวิตามินได้ ใครสนใจลองนำไปปรับใช้ได้นะ :)

ที่มา: thehealthy