อียิปต์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของวิทยาการความรู้และเทคโนโลยีมาตั้งแต่โบราณ อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของความรู้และทักษะในปัจจุบันเลยทีเดียว
แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกจดจำในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว ท่ามกลางทะเลทรายที่มีเสน่ห์และสุสานฟาโรห์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ทว่าจริงๆ แล้วสถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในที่เรียนต่อชั้นเยี่ยม ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยคาดคิด
การเรียนในอียิปต์:
การศึกษาในอียิปต์ได้รับการดูแลโดยรัฐบาล มุ่งเน้นไปที่การศึกษาโดยรวมและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้มีการออกแบบและปรับปรุงหลักสูตรเพื่อยกระดับคุณภาพด้านการศึกษาในสาขาวิชาการต่างๆ ทั้งการดูแลสุขภาพ วิศวกรรมเคมี เทคโนโลยีสารสนเทศ และการท่องเที่ยว
มหาวิทยาลัยในอียิปต์:
มีมหาวิทยาลัยของรัฐ 23 แห่ง สถาบันที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย 18 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 19 แห่ง และสถาบันอุดมศึกษาเอกชนอีก 81 แห่งในอียิปต์
มหาวิทยาลัยรัฐใหม่ 7 แห่งได้รับการจัดตั้งขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลเมื่อไม่นานมานี้
มหาวิทยาลัยใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่จัดตั้งขึ้นโดยการเปลี่ยนสาขาของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ให้เป็นสถาบันเฉพาะ แยกออกมาต่างหาก ทุกแห่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองใหญ่เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสำหรับชาวอียิปต์ทุกคน
ค่าเล่าเรียนและระยะเวลาของหลักสูตร:
ค่าเล่าเรียนจะแตกต่างกันไปตามสถาบันและหลักสูตรที่เลือกศึกษา
หลักสูตรบัณฑิตศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1,000 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 32,500 บาท) ต่อหน่วยกิต ส่วนหลักสูตรปริญญาโทจะมีค่าใช้จ่ายราวๆ 600 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 19,500 บาท) โดยจะต้องใช้ 30 – 40 หน่วยกิตเพื่อให้สำเร็จการศึกษา รวมถึงต้องจัดทำวิทยานิพนธ์
ปกติแล้วนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาจะใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงในแต่ละภาคการศึกษา ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วแต่ละโปรแกรมต้องใช้เวลา 1.5 – 2 ปี
ภาคการศึกษา:
ภาคการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ระยะเวลา คือภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงซึ่งจะเริ่มในต้นเดือนกันยายนและลากยาวผ่านกลางเดือนธันวาคมตามด้วยการสอบ
จากนั้นจะเป็นภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะเริ่มในปลายเดือนมกราคมและลากยาวไปกลางเดือนพฤษภาคมตามด้วยการสอบ นักเรียนที่โรงเรียนนานาชาติอาจได้พบกับประสบการณ์วันหยุดทั้งสำหรับชาวมุสลิมและชาวคริสต์
โอกาสหลังจบการศึกษา:
ที่อียิปต์มีอัตราการว่างงานค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เรียนปริญญาโทในอียิปต์และสามารถพูดภาษาอาหรับหรือภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญ มีโอกาสมากมายในการทำงานร่วมกับบริษัทข้ามชาติ
อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีใบอนุญาตทำงานซึ่งสามารถขอรับได้จากกระทรวงกำลังคนและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในเขตที่มีนายจ้างตั้งอยู่
แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่โดดเด่นกว่าที่อื่นๆ แต่ที่ดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งสวยงามทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทั้งยังมีความรู้ที่สืบทอดในท้องถิ่น เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจความรู้ใหม่ๆ อย่างแน่นอน
ที่มา: masterstudies