ผู้ปกครองส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันมักมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือ “อยากให้ลูกๆ มีชีวิตที่ดีกว่าตัวเอง”
New York Times นำเสนอแง่มุมเทรนด์การเลี้ยงลูกแบบใหม่ในสหรัฐอเมริกา นั่นคือ พ่อแม่จำนวนมากได้เพิ่มเวลาและความสนใจ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกมากกว่าที่พ่อแม่ของพวกเขาใช้ในอดีต
Claire Cain Miller นักเขียนของนิตยสาร Times กล่าวว่า แม่ๆ ที่ทำงานนอกบ้านกลับมาใช้เวลาดูแลลูกๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 1970
“สำหรับพ่อแม่แล้ว การเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับลูกๆ คือการช่วยพวกเขาทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อให้เเน่ใจว่าเด็กๆ เหล่านั้นสามารถไปถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิต หรืออย่างน้อย ก็ไม่ตกต่ำไปกว่าต้นทุนที่พวกเขามี”
จากการสำรวจโดยนิตยสาร The New York Times ฉบับตีพิมพ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบว่า การเงินเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเริ่มคิดที่จะไม่มีลูก หรือมีให้น้อยที่สุด
ค่าเฉลี่ยเงินที่ต้องใช้เลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี ในสหรัฐอเมริกาวันนี้อยู่ที่ $230,000 (ประมาณ 7.4 ล้านบาท) จากการรายงานพบว่า ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก
นักวิทยาศาสตร์ทางสังคมเผยว่า การเลี้ยงดูเด็กๆ ในยุคนี้ของชาวอเมริกัน ทำให้เด็กๆ สามารถดึงเอาศักยภาพที่มีออกมาได้มากกว่าที่พ่อแม่ของพวกเขาเคยทำ
“เด็กในยุคนี้ มีแนวดน้มที่จะไปได้ไกลกว่าพ่อแม่ของพวกเขา เนื่องจากผู้ปกครองหลายคน เต็มใจลงทุนด้วยเงินจำนวนมากเพื่อการศึกษาและหลักสูตรเสริมอื่นๆ ”
การเลี้ยงลูกแบบนี้ได้กลายเป็นแบบอย่างที่ชาวอเมริกันใช้เลี้ยงลูกอย่างแพร่หลาย เมื่อช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนเพิ่มมากขึ้น พ่อแม่หลายคนจึงพยายามมากขึ้นเพื่อลดความเสียเปรียบของลูก
ในอดีต พ่อแม่อาจต้องกังวลเพียงคะแนนสอบของลูกจะดีหรือไม่ ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้ไหม หรือลูกจะหางานดีๆ ทำได้หรือเปล่า แต่ในปัจจุบัน ด้วยการเลี้ยงดูแบบที่กล่าวมา แม้ทุกอย่างจะฟังดูดี และทำให้เด็กๆ มีทางเลือกในชีวิตที่เพิ่มขึ้น แต่การเลี้ยงดูแบบนี้ ได้เพิ่มความกดดันให้กับผู้ปกครองที่ต้องพยายามหาทั้งเงินเพื่อนำมาลงทุนให้ลูกในการศึกษา และทำให้ลูกรู้สึกว่ามีทุกอย่างเท่าที่คนรอบข้างมี
ทั้งยังต้องพยายามเพื่อให้ลูกๆ โดดเด่น หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร ซึ่งกรรมวิธีในเรื่องเหล่านี้ต้องใช้ทั้งเวลา เงินทอง และความพยายามอื่นๆ อีกมาก
ที่มา: businessinsider