การทำงานในต่างประเทศนอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับตัวคุณเองแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเรียนรู้วัฒนธรรมและเรื่องราวที่แตกต่างออกไปในแต่ละมุมโลก
แต่อย่างที่รู้กันว่าก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปทำงานในต่างแดน ข้อมูลคือสิ่งที่เราต้องเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแต่ละประเทศมีความแตกต่างและความต้องการของสายงานที่หลากหลาย
เพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราจึงมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเทศที่น่าย้ายไปทำงานมากที่สุด ปี 2023 มาฝากกันค่ะ :D
นิวซีแลนด์ : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานตามฤดูกาล
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 1,563 NZD ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 33,500 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 5,603 NZD ต่อเดือน (ประมาณ 119,900 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 12 – 23 เดือนขึ้นอยู่กับแต่ละท้องที่
😊 อันดับดัชนีความสุข : 10
หากคุณเป็นวัยรุ่นที่รักในการผจญภัย และอยากลองทำงานที่หลากหลายนิวซีแลนด์ถือว่าตอบโจทย์ เพราะที่นี่มีการจ้างงานระยะสั้นซึ่งจะเปลี่ยนงานไปตามฤดูกาลให้ได้ลองทำ
✅ ข้อดี :
▪️ work-life balance ค่อนข้างดี
▪️ รัฐบาลและชาวท้องถิ่นเป็นมิตรและยินดีต้อนรับแรงงานจากต่างประเทศ
❌ ข้อเสีย :
▪️ เนื่องจากประชากรมีน้อย งานในบางสายอาชีพจึงมีจำกัด
▪️ ค่อนข้างเงียบเกินไป สำหรับคนที่ชอบชีวิตในเมืองอาจรู้สึกเบื่อ
เนเธอร์แลนด์ : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานในสายนักวิจัยและสถาบันการศึกษา
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 972 ยูโรต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 37,100 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 3,017 ยูโร ต่อเดือน (ประมาณ 115,300 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : ขึ้นอยู่กับบริษัทที่สนับสนุน
😊 อันดับดัชนีความสุข : 5
การทำงานในเนเธอร์แลนด์จำเป็นต้องมีบริษัทเป็นผู้ให้การสนับสนุนเนื่องจากมีขั้นตอนในการขอวีซ่า (สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยุโรป) รวมทั้งค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในระยะยาว โดยเฉพาะในสายงานนักวิจัยและการศึกษา เนื่องจากมีองค์กรหลายแห่งให้การสนับสนุน
✅ ข้อดี :
▪️ ชาวดัตช์ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้
▪️ อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ
❌ ข้อเสีย :
▪️ ชาวท้องถิ่นส่วนมากมักมีสังคมเฉพาะของตัวเอง อาจต้องใช้เวลาในการผูกมิตร
▪️ เงินเดือนสูงแต่รายจ่ายก็สูงเช่นกัน
เกาหลีใต้ : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานด้านการสอนภาษาอังกฤษ (TEFL)
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 1,340,114 KRW ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 35,800 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 3,078,640 KRW ต่อเดือน (ประมาณ 82,300 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 12 เดือน
😊 อันดับดัชนีความสุข : 55
ปลายทางที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง เนื่องจากในสายงานนี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างมากในเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานโดยโปรแกรมของกระทรวงศึกษาธิการเกาหลี (EPIK) หรือสถาบันเอกชน
✅ ข้อดี :
▪️ สภาพแวดล้อมการทำงานค่อนข้างดีและเป็นมิตร
▪️ มักมีข้อเสนอสวัสดิการอื่นๆ รวมกับเงินเดือน เช่น ที่พัก
❌ ข้อเสีย :
▪️ เนื่องจากเป็นประเทศชาตินิยม จึงเป็นเรื่องท้าทายเล็กน้อยที่จะเจอสินค้าจากบ้านเกิดของคุณ
▪️ มีความกดดันในการทำงานค่อนข้างมาก และมักต้องทำงานเกินเวลา
ออสเตรเลีย : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานแลกเปลี่ยน หรือลองทำงานในสายงานใหม่ๆ
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 1,537 AUD ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 35,700 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 5,685 AUD ต่อเดือน (ประมาณ 132,100 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 12 เดือน
😊 อันดับดัชนีความสุข : 12
ออสเตรเลียเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์การแลกเปลี่ยนการทำงาน ด้วยรูปแบบวีซ่าที่ง่าย และมีองค์กรต่งๆ ให้การสนับสนุน เช่น World Wide Opportunities on Organic Farms (WWOOF) ที่จัดหาอาสาสมัครทำงานในฟาร์มเพื่อแลกกับอาหารและที่พัก เป็นต้น
✅ ข้อดี :
▪️ เงินเดือนค่อนข้างสูง
▪️ วัฒนธรรมในการทำงานค่อนข้างดี เน้นการมีส่วนร่วมและสนุกสนาน
❌ ข้อเสีย :
▪️ ค่าครองชีพบางอย่างค่อนข้างแพง เช่น ร้านขายของชำหรือผลผลิตอื่นๆ
▪️ การเดินทางตามเมืองใหญ่ๆ ค่อนข้างมีผู้ใช้งานมากและใช้เวลารอค่อนข้างนาน
เยอรมนี : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานสายวิศวกร
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 883 ยูโร ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 33,800 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 2,900 ยูโรต่อเดือน (ประมาณ 111,000 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 12 เดือน
😊 อันดับดัชนีความสุข : 15
เนื่องจากในเยอรมนีมีบริษัทระดับโลกหลายแห่งไปตั้งสำนักงาน จึงมีโอกาสในการทำงานดีๆ ในสายงานวิศวกรมากมาย ที่สำคัญชาวเยอรมันส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี จึงไม่ค่อยมีอุปสรรคด้านภาษา
✅ ข้อดี :
▪️ ระบบสวัสดิการสังคมดีเยี่ยม
▪️ การขนส่งสาธารณะที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
❌ ข้อเสีย :
▪️ ชาวเยอรมันค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว ในช่วงแรกๆ จึงสนิทกันได้ค่อนข้างยาก
▪️ อัตราภาษีสูง
บราซิล : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานในสายการท่องเที่ยว
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 2,450 BRL ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 17,500 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 2,026 BRL ต่อเดือน (ประมาณ 14,500 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 24 เดือน
😊 อันดับดัชนีความสุข : 47
ที่บราซิลถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เฟื่องฟู โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างรีโอ เด จาเนโร งานส่วนใหญ่สำหรับชาวต่างชาติจะมีทั้งงานด้านการท่องเที่ยวและงานอาสาสมัคร
✅ ข้อดี :
▪️ คนบราซิลมีความหลากหลาย เป็นมิตร และเปิดกว้าง
▪️ ราคาเกี่ยวกับบริการด้านสุขภาพไม่แพง
❌ ข้อเสีย :
▪️ มีปัญหาเรื่องอาชญากรรมที่แตกต่างกันไปตามแต่ละเมือง
▪️ ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจจากการทุจริตของรัฐบาล
เดนมาร์ก : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกงาน
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 7,745 DKK ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 39,800 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 26,380 DKK ต่อเดือน (ประมาณ 135,600 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 3 – 48 เดือน
😊 อันดับดัชนีความสุข : 2
ที่นี่ถือเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่ส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ยอดเยี่ยม มีทรัพยากรด้านสวัสดิการสังคมที่แข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยและมีความสุขที่สุดในโลก ที่สำคัญมีหลายโครงการที่เปิดให้ทดลองฝึกงานก่อนได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ ช่วยเพิ่มโอกาสพบงานในฝันได้
✅ ข้อดี :
▪️ เนื่องจากการเก็บภาษีค่อนข้างสูง การดูแลสุขภาพและการศึกษาคุณภาพสูงจึงฟรีสำหรับทุกคน
▪️ เป็นเมืองที่อัตราความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ต่ำ
❌ ข้อเสีย :
▪️ ค่าครองชีพแพง
▪️ อากาศค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปี
บอสวานา : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานสายการเงิน
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 7,215 BWP ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 18,900 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 12,930 BWP ต่อเดือน (ประมาณ 33,900 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : พิจารณาเป็นรายกรณี
😊 อันดับดัชนีความสุข : 129
บอตสวานาเป็นประเทศในแอฟริกาตอนใต้ที่ยอดเยี่ยมซึ่งมีประชาธิปไตยที่มั่นคงและภาคการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้งยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในแอฟริกา ทำให้มีโอกาสมากมายสำหรับอุตสาหกรรมการส่งออกที่เฟื่องฟูจากข้อมูลของธนาคารโลก
บอตสวานายังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นโอกาสใหม่ๆ
✅ ข้อดี :
▪️ เศรษฐกิจที่เติบโตหมายถึงโอกาสในการทำงานที่มากขึ้น
▪️ อากาศอบอุ่นและมีแสงแดดตลอดทั้งปี
❌ ข้อเสีย :
▪️ มีความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับชาวต่างชาติ รสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ
▪️ มีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางรายได้
แคนาดา : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานสายสุขภาพ
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 1,200 CAD ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 31,300 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 3,757 CAD ต่อเดือน (ประมาณ 98,100 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 24 – 48 เดือน
😊 อันดับดัชนีความสุข : 13
เนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่ใส่ใจในเรื่องของสวัสดิการ สายงานด้านสุขภาพและการวิจัยจึงถือเป็นที่ต้องการอย่างมาก นอกจากค่าตอบแทนที่ดีแล้ว การทำงานที่นี่ยังมีความยืดหยุ่นและสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพยังดีมากอีกด้วย
✅ ข้อดี :
▪️ มีสวัสดิการด้านการดูแลสุขภาพที่ทั่วถึงทั้งสำหรับพลเมืองและผู้พำนักถาวรทุกคน
▪️ มีอัตราการจ้างงานชาวต่างชาติที่ยอดเยี่ยม
❌ ข้อเสีย :
▪️ สภาพอากาศอาจรุนแรงแปรปรวน
▪️ ภาษีสูงและค่าครองชีพแพง
กัมพูชา : ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับงานสไตล์ Digital Nomads
🏠 ค่าครองชีพเฉลี่ย : 2,407,083 KHR ต่อเดือน + ค่าเช่าต่างๆ (ประมาณ 19,900 บาท)
💰 เงินเดือนเฉลี่ย : 1,093,752 KHR ต่อเดือน (ประมาณ 9,000 บาท)
⏰ ระยะเวลาของวีซ่าที่อนุญาต : 12 เดือนพร้อมการต่ออายุแบบไม่มีกำหนด
😊 อันดับดัชนีความสุข : 113
Digital Nomad เป็นการนิยามถึงการทำงานแบบอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลก โดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เช่น นักเขียน นักตัดต่อวิดีโอ คริเอทีฟ หรือแม้แต่เหล่า Vloger
ด้วยข้อกำหนดด้านวีซ่าที่เป็นมิตร ค่าครองชีพที่ค่อนข้างถูก และสิทธิประโยชน์อื่นๆ กัมพูชาจึงเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวต่างชาติจำนวนมากที่หันมาทำงานในสไตล์นี้
✅ ข้อดี :
▪️ ค่าครองชีพถูก และสิ่งอำนวยความสะดวก (ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต ร้านกาแฟ ฯลฯ) ค่อนข้างครบครัน
▪️ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมากมายให้สำรวจ
❌ ข้อเสีย :
▪️ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทำให้การเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและการรักษาพยาบาลทำได้ยาก
▪️ wifi ขาดๆ หายๆ และค่อนข้างไม่เสถียร
ข้อมูลเหล่านี้ถูกรวบรวมโดยเว็บไซต์ Go Overseas ซึ่งได้ทำการเก็บสถิติทั้งค่าครองชีพ ความสะดวกเกี่ยวกับวีซ่าทำงาน work-life balance และอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกปลายทางที่ตอบโจทย์ได้มากยิ่งขึ้น
ใครสนใจลองดูข้อมูลเหล่านี้เป็นแนวทางพร้อมหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยค่ะ :>
ที่มา: Go Overseas