สำหรับวันนี้เราก็มีบทความดีๆ เกี่ยวกับค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนต่อในประเทศอังกฤษและสหราชอาณาจักรกัน เพื่อนๆ คนไหนสนใจเรียนต่อกันที่นี่อยู่ ก็ลองมาอ่านกันดูได้เลยนะจ๊ะ
เบื้องต้นแล้วเรทของการเรียนในสหราชอาณาจักรก็เหมือนของหลายๆ ประเทศ กล่าวคือจะมีสองเรทด้วยกัน แบ่งเป็น 2 แบบคือ สำหรับนักศึกษาภายในประเทศและนักศึกษายุโรป สองคือนักศึกษานานาชาติ ซึ่งในวันนี้เราจะมาเล่าเกี่ยวกับอย่างที่สองให้ฟังกัน
ตอนนี้อัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินปอนด์จะอยู่ที่ปอนด์ละ 43 บาท ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักศึกษาต่างประเทศที่อยากไปเข้าเรียนเพราะจากปีก่อนๆ ก็ถือว่าลดราวๆ 10 บาทต่อปอนด์เลยทีเดียว นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ถูกลงในการเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร!!
ในส่วนของค่าเล่าเรียน
ในระดับปริญญาตรีนั้น ค่าเล่าเรียนเแลี่ยจะอยู่ที่ราวๆ 10,000 ปอนด์ต่อปี และสามารถสูงสุดได้ถึง 35,000 ปอนด์ต่อปี (เฉพาะสาขาวิชาที่ค่าเล่าเรียนแพง เช่นด้านการแพทย์)
ส่วนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกนั้น ค่าเล่าเรียนก็ถือว่าจัดอยู่ในระดับเดียวกัน เริ่มต้นที่ 9,700 ปอนด์ และสามารถขึ้นสูงได้ถึง 42,000 ปอนด์ต่อปี แล้วแต่สขาวิชาที่เรียน
ค่าครองชีพล่ะ?
จากข้อมูลของ National Union of Students (NUS) ค่าครองชีพรายปีของนักศึกษานั้นจะเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 12,000 ปอนด์ โดยจะมีค่าอาหารและค่าของใช้ต่างๆ เดือนละ 150 ปอนด์ หรือเทอมละราวๆ 1,350 ปอนด์ด้วยกัน
แต่ถ้าอยากเรียนในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ อย่าง London แล้วล่ะก็ ต้องมีเงินสำรองรายปี 15,000 ปอนด์ด้วยกันเป็นอย่างน้อย ถึงจะเพียงพอ และต้องมีเงินทุนสำรองในด้านค่าที่พักอาศัยด้วย เพราะอย่าง University College London (UCL) ก็เก็บค่าที่พักของนักศึกษาถึง 8,000 ปอนด์ต่อเทอมเลยล่ะ (อาจหาที่พักนอกมหาวิทยาลัยที่ถูกกว่านี้ก็ได้)
สำหรับวีซ่า นักศึกษาที่จะเข้าเรียนในลอนดอนจะต้องมีเงินทุนสำรองหมุนเวียนต่อเดือนอย่างน้อย 1,200 ปอนด์ขึ้นไป ส่วนนักศึกษาที่อยู่เมืองอื่นๆ จะต้องมีอย่างน้อย 1,000 ปอนด์ขึ้นไป ถึงจะสามารถผ่านวีซ่าได้
เห็นแบบนี้แล้วถึงค่าเงินจะลดลงบ้างก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างงบบานเหมือนกันนะเนี่ย นี่แหละเป้นหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมทุนการศึกษาถึงมีความสำคัญในการเรียนต่อต่างประเทศ
สุดท้ายแล้วเพื่อนๆ ที่สนใจไปเรียนต่อกันก็อย่าลืมมาหาทุนการศึกษาดีๆ ที่ทางเว็บไซต์ ScholarShip.in.th กันนะจ๊ะ มีทุนการศึกษาจากรอบโลกมาอัพเดทให้กันทุกๆ วันเลยล่ะ รับรองไปเรียนต่างประเทศงบไม่บานอย่างที่คิดเลยล่ะ อิอิ
ที่มา: topuniversities