การมาอย่างกระทันหันของไวรัสโคโรนา ทำให้คนจากทั่วโลกได้เจอกับประสบการณ์ฺแปลกใหม่ในที่ไม่คาดคิดมาก่อน อย่างในประเทศไทยเราก็เพิ่งเจอกับมาตราการกักตัวเป็นครั้งแรก
ทว่ามันก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไร ถ้าเทียบกับกลุ่มนักเรียนและคุณครูชาวดัตช์ ที่ได้ล่องเรือข้ามทะเลแอตแลนติกเพื่อกลับบ้าน
คุณครูคนหนึ่ง และเด็กนักเรียนอีก 24 คนซึ่งมีอายุระหว่าง 14-17 ปี ได้เข้าร่วมโปรแกรมเพื่อเดินทางไปศึกษาในแถบทะเลคาริบเบียนก่อนไวรัสโคโรนาจะมาเยือน
พวกเขามีแผนจะบินกลับประเทศจากประเทศคิวบาในเดือนมีนาคม ทว่าก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากสายการบินหยุดให้บริการตอนที่โรคกำลังระบาดหนัก
นั่นทำให้ Christophe Meijer ซึ่งเป็นเจ้าขององค์กรที่ดูแลโปรแกรมที่เด็กๆ เข้าร่วม ตัดสินใจว่าควรส่งนักเรียนกลับบ้านให้เร็วที่สุด และในเมื่อไม่สามารถบินข้ามทะเลได้ อีกตัวเลือกหนึ่งก็คือการล่องเรือข้ามทะเลแอตแลนติกไป
นี่เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากสำหรับเด็กๆ และคุณครู พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อการนี้เลย ทุกคนจึงต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่เสียก่อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการล่องเรือนาน 5 สัปดาห์
ช่วง 2 สัปดาห์แรกระหว่างนั่งเรือ ทุกคนบนเรือได้รับการตรวจสุขภาพโดยแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืนยันว่าในหมู่พวกเขาไม่มีใครที่มีเชื้อโรค COVID-19
เมื่อเดินทางข้ามทะเลได้ 2 สัปดาห์เรือ Wylde Swan ที่พาเด็กๆ กลับบ้านต้องจอดเทียบเพื่อเติมเสบียงครั้งหนึ่ง ที่หมู่เกาะอะโซร์ส
นั่นเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่อีกอย่างหนึ่งระหว่างการเดินทางครั้งนั้น เพราะถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากเรือ แต่เด็กๆ ก็ได้เห็นชนพื้นเมืองด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก
นักเรียนคนหนึ่งบอกว่าเขารู้สึกแปลกมากทีเดียว ที่เห็นคนใส่หน้ากากและอาศัยอยู่ในหมู่เกาะเช่นนี้ มันเป็นการเปิดโลกสำหรับพวกเขา
พวกเขาต้องเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นระยะทางกว่า 4,500 ไมลส์ทะเล (ประมาณ 8,300 กิโลเมตร) เลยทีเดียว มันน่าจะเป็นการเดินทางที่ไกลและยาวนานที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
จนเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งหมดก็สามารถเดินทางกลับมาถึงที่ท่าเรือเมืองฮาร์ลิงเงน ซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยที่มีครอบครัวของเด็กๆ มารอรับอยู่แล้ว
.
การเดินทางของครูและนักเรียนทั้ง 25 ชีวิตในครั้งนี้ จะเป็นประสบการณ์จากไวรัสโรโนา ที่พวกเขาไม่มีทางลืมเลยทีเดียว
ที่มา: CNN, Daily Beast, Business Insider, The State