หลายคนคงจะเคยเห็นคำว่า be อยู่ในประโยคภาษาอังกฤษมาบ้าง ซึ่งบางทีก็ชวนสับสนเหมือนกันว่า be มันคืออะไร แล้วใช้ยังไง และคำถามที่น่าจะโดนใจใครหลายๆคนคือ “จะรู้ได้อย่างไรว่าตรงนี้ต้องใช้ be”
ก่อนอื่นคงต้องมาทำความรู้จักกับ be ก่อนว่า be คืออะไร? be ก็คือ รูปธรรมดาหรือ base form ของ verb to be (is, am, are) ที่เรารู้จักนั่นแหละค่ะ หลักการใช้ be มีดังนี้ค่ะ
** เรามักจะเห็น be อยู่ตามหลัง กริยาช่วยหรือ modal verb (will, would, can, could, may, might, must, should, etc.) เช่น
We should be hardworking.
พวกเราควรจะขยัน
He should be a teacher because he can get along well with children.
เขาควรจะเป็นครูเพราะเขาเข้ากับเด็กๆได้ดี
** ทำไมหลังกริยาช่วยเหล่านี้ต้องเติม be น่ะเหรอ เหตุผลก็คือ
ปกติกริยาช่วยเหล่านี้ต้องบวกด้วยกริยารูปธรรมดา Modal verb + V (base form) เช่น I should go.
แต่ประโยคแรก hardworking เป็น adjective ไม่ใช่ verb ถ้าเราจำกฎของ adjective ได้คือ adjective สามารถตามหลัง verb to be ได้ แล้วบังเอิญว่ามันตามหลัง modal verb เราก็ต้องเลือกใช้ verb to be รูป base form ซึ่งก็คือ be
ส่วนประโยคที่สอง a teacher เป็นคำนาม ในประโยคนี้ต้องมี verb to be ในความหมายว่า “เป็น” พอตามหลัง should ซึ่งเป็น modal verb จึงต้องเป็นรูป base form
สรุปว่าหลังคำว่า be ก็ต้องเป็นนามนั่นเองค่ะ ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะกฎแกรมม่าข้อนี้ อย่าลืมติดตามข่าวสารภาษาอังกฤษดีๆได้ที่ scholarship.in.th ได้ตลอดนะคะ
ที่มา: pasaangkit
2 Comments
Comments are closed.
[…] ฝึกแกรมม่าวันละนิด มาดูหลักการง่าย… […]
[…] ฝึกแกรมม่าวันละนิด มาดูหลักการง่าย… […]