สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เราก็นำเทคนิคดีๆมานำเสนอกันอีกเช่นเคย สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจการทำงานในส่วนของ Future Tense วันนี้เราเอาคำอธิบายแบบง่ายๆ มาฝากค่ะ
1. Future Simple Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต โดยมีคำหรือวลีบอกเวลาอยู่ด้วย อันเป็นการคาดหมายล่วงหน้า ให้คำมั่นสัญญา หรือแสดงความตั้งใจเอาไว้ และที่เป็นการขออนุญาต หรือขอความเห็นชอบด้วย
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + verb 1
1) ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขณะที่พูดเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น มักมี Adverb บอกเวลา เช่น Soon, shortly, in a short time, tonight, next month, next Monday เป็นต้น
2) ประโยคแสดงอนาคตที่มีกริยา 2 ตัว ให้ใช้ Future Simple Tense กับกริยาเพียงตัวเดียว ส่วนอีกตัวหนึ่ง (คือประโยคที่อยู่หลังคำเชื่อม) ให้ใช้ Present Simple Tense หรือ Present Perfect Tense กริยาที่ใช้ Future Simple Tense คือ กริยาที่อยู่หน้าคำเชื่อม และคำเชื่อมที่นำมาใช้เท่าที่พบมาก ได้แก่ if, unless, when, until, as soon as, before, after, the moment that, by the time that, now that
2.1 การใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงความตั้งใจ แทน will, shall ได้ เช่น I am going to write to Anong this evening.
2.2 ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงการคาดคะเนแทน will, shall ได้ เช่น I think it is going to rain.
2.3 ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงข้อความซึ่งเชื่อว่าเป็นจริงเช่นนั้นโดยปราศจากข้อสงสัย แทน will, shall ได้ เช่น My wife is going to have a baby.
2. Future Continuous Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ในอนาคต ที่คาดหมายว่าจะกำลังดำเนินอยู่ในช่วงวัน – เวลาที่ระบุเอาไว้นั้น
ตัวอย่างเช่น
He will be coming home around five p.m..
My son will be calling me up tonight.
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + be + verb -ing
1) ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่จะเกิดขึ้นก่อน-หลังกันในอนาคต โดยมีหลักการแต่งประโยคดังนี้
– เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense: Subject + will/shall + be + verb –ing
– เหตุการณ์ใดเกิดหลังใช้ Present Simple Tense: Subject + verb 1 เช่น He will be sleeping when I visit him.
2) ใช้กับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ตามเวลาที่ระบุไว้อย่างชัดเจน เช่น This time tomorrow I shall be flying to New York.
3) ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ได้ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า จะทำเช่นนี้จริงๆ เช่น We shall be working all day tomorrow.
3. Future Perfect Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและดำเนินไปจนเสร็จ สมบูรณ์ ภายในระยะเวลาที่ระบุไว้นั้น
ตัวอย่างเช่น
We’ll have finished our homework by 10 o’ clock tonight.
By this time tomorrow she‘ll have done all her assignments.
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + have + verb 3
3.1 ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต ซึ่งขณะที่พุดเป็นเพียงคาดการณ์ไว้ล่วง
หน้าว่า ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว เหตุการณ์อันหนึ่งจะได้เกิดขึ้นสมบูรณ์อยู่ก่อนแล้ว จึงมีเหตุการณ์อันที่ 2 เกิดขึ้นตามมา
– เหตุการณ์เกิดก่อนใช้ Future Perfect Tense: Subject + will/shall + have + verb 3
– เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense: Subject + verb 1
เช่น โจทย์ : The play (start) before we (reach) the theatre.
เฉลย : The play will have started before we reach the theatre.
3.2 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต ณ เวลาใดเวลาหนึ่งที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในประโยคและพึงสังเกตไว้ว่า คำหรือกลุ่มที่บอกเวลาเป็นอนาคตนำมาร่วมกำกับไว้นั้นจะนำหน้าด้วยบุรพบท “by” เสมอ เช่น by tomorrow, by dinner time
3.3 ใช้เพื่อแสดงความสงสัยว่า “คงจะอย่างนั้น อย่างนี้แล้วก็ได้” เช่น
I expect you will have heard that Ladda is going to be married next month.
4. Future Perfect Continuous Tense คือ ประโยคที่พูดถึงกระทำหรือเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและจะยังคง ดำเนินอยู่ต่อไปในระยะเวลาที่ระบุไว้นั้น เช่น
By the end of this semester we will have been studying English Grammar for two years.
How long will you have been studying English here when you go home next week?
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + have + been + verb -ing
มีวิธีใช้เช่นเดียวกับ Future Perfect Tense ทุกประการ ต่างกันก็ตรงที่ว่า เราใช้ Tense นี้เพื่อ “เน้นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่า ได้ดำเนินต่อเนื่องกันไป แม้เมื่อถึงเวลานั้นการกระทำก็ยังคงดำเนินอยู่ และก็จะดำเนินต่อไปอีกมิได้หยุด”
ซึ่งประโยค Future Perfect ทั้ง 2 แบบ จำเป็นต้องมีคำพูดถึงระยะเวลาอยู่ด้วย โดยอาจอยู่ในรูปของอนุประโยคนำด้วย when หรือ วลีนำโดย by อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเอาไว้นำหน้าหรือต่อท้ายประโยคก็ได้ คำพูดถึงระยะเวลาเหล่านี้ ได้แก่
By 8 p.m., by next June, by that time, by noon, by this time next month, by the end of July, by midnight, by the end of this semester
ไม่ยากเกินไปใช่ไหมล่ะคะเพื่อนๆ ถ้าลองทบทวนดีๆ เราก็จะเข้าใจถึงรากของ Future Tense เลยล่ะ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆหลายๆคนนะคะ ใครที่จำไม่ได้ลองวาดภาพดูนะคะ จะช่วยได้มากๆเลย
source: gotoknow
3 Comments
Comments are closed.
[…] […]
[…] […]
[…] […]