ผลการศึกษาฉบับใหม่แสดงให้เห็นว่านักศึกษาบัณฑิตศึกษาต้องการการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตมากกว่าที่เป็นอยู่
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature แสดงให้เห็นว่า นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษามีความเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขภาพจิตมากกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่งสาเหตุ อาจมาจากการแบ่งแยกทางสังคม ลักษณะงาน ความรู้สึกที่ไม่ถูกเติมเต็ม หรือแม้แต่ตลาดงานที่หาได้ยากมากยิ่งขึ้น
จากบทความใน ScienceMag ผู้ร่วมวิจัย Teresa Evans และผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิชาชีพและวิทยากรจากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพมหาวิทยาลัยเท็กซัสในเมืองซานอันโตนิโอ ได้กล่าวถึงผลการศึกษาใหม่นี้ว่า
“หวังอย่างยิ่งว่ามันจะนำไปสู่การสนทนาที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม”
การสำรวจ พบว่า 41% ของกลุ่มตัวอย่าง 2,279 คน แสดงความวิตกกังวลปานกลางถึงรุนแรง และอีก 39% แสดงภาวะซึมเศร้าในระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งภาวะนี้แพร่ไปในหมู่นักศึกษามากกว่าคนทั่วไปมากกว่าถึง 6 เท่า
นอกจากนี้ ยังมีความแตกต่างตามเพศสภาพ การศึกษารายงานว่า หนึ่งในสามของสถานการณ์เหล่านี้เป็นเพศชาย อีก 40% เป็นผู้หญิง และอีกกว่าครึ่งเป็นเพศที่สาม
ทางแก้ไขของสถานการณ์นี้?
ผลการศึกษาพบว่าความสัมพันธ์ในเชิงบวก รวมถึงความสมดุลของชีวิตการทำงานที่ดี สามารถช่วยให้พวกเขามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้
บทความ ScienceMag ยังเผยคำกล่าวของผู้ร่วมเขียนหนังสือ Nathan Vanderford ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเคนทักกี เมืองเล็กซิงตันว่า
“ข้อมูลเหล่านี้ รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ เป็นตัวเรียกร้องให้สถาบันต้องสร้างหลักสูตรเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ให้ดีขึ้น”
ความเครียดและแรงกดดัน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่กระจายไปในหมู่นักเรียนและนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมา
ปัญหาเหล่านี้ ไม่ได้มีเพียงแค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่มีอยู่ในทุกมุมโลก ซึ่งอาจต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อลดจำนวนการสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในวงการการศึกษาให้มากขึ้น
ที่มา: masterstudies