ในปัจจุบันนี้เราก็พูดกันได้ว่า การเรียนภาษาที่ 3 นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเลยล่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นโปรไฟล์ดีขึ้นที่จะทำให้สมัครงานง่ายขึ้น และสามารถติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ดีขึ้น ก็ช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน
เพื่อนๆ ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีอยู่แล้ว และถ้าคิดที่จะเรียนภาษาที่ 3 เพิ่มเติมกันล่ะก็ วันนี้เราก็เลยนำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการเรียนภาษาที่ 3 มาฝากกันครับผม
โดยเราขอนำเสนอ 10 ภาษาที่ 3 ที่สามารถต่อยอดจากภาษาอังกฤษได้ง่ายที่สุด จะได้เลือกเรียนให้ถูกกันและไม่จำเป็นต้องเริ่มนับตั้งต้นใหม่ตั้งแต่ 0 นะจ๊ะ
ภาษาอัฟริกัน
ภาษานี้จัดอยู่ในกลุ่ม West Germanic เช่นเดียวกันกับภาษาอังกฤษ และที่สำคัญโครงสร้างทางภาษาก็ง่ายกว่า เช่นไม่มีระบบกริยา 3 ช่อง รวมถึงไม่มีคำนามระบุเพศแบบภาษาฝรั่งเศสด้วย นั่นทำให้การฝึกภาษานี้เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะการใช้รากศัพท์จากภาษาเยอรมันที่ใกล้เคียงอังกฤษเช่น “Wat is dit in Afrikaans?”
ภาษาฝรั่งเศส
ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส มีการใช้คำร่วมกันกว่า 8,000 คำ ซึ่งถือว่ามีความใกล้เคียงกันมากที่สุดในตระกูลภาษา Romance อื่นๆ ถึงแม้การเรียนภาษาฝรั่งเศสขั้นสูงจะเป็นเรื่องจาก แต่ถ้าเอาให้พอสื่อสารได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายพอสมควรสำหรับคนพูดอังกฤษเป็น
ภาษาสเปน
หลายๆคำในภาษาสเปน จะเขียนเหมือนกับการอ่านออกเสียง ทำให้การเริ่มเรียนนั้นเป็นลักษณะทางตรงไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญการออกเสียงเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษแล้วยังค่อนข้างง่าย (ถึงแม้จะมีบางตัวอักษรที่ยากซักหน่อย) และนอกจากนี้ภาษาสเปนยังมีกฎเกณฑ์น้อยที่สุดในกลุ่ม Romance อีกด้วย
ภาษาดัตช์
สำหรับภาษานี้ถูกจัดอยู่ในตระกูล West Germanic เช่นเดียวกันกับอังกฤษ โดยมีคำที่ใกล้เคียงกับอังกฤษหลายคำเช่น groen (green) หรือ de oude man (the old man) เป็นต้น นอกจากนี้ภาษาดัตช์ยังออกเสียงรูปแบบความหนักเบาตามอังกฤษอีกด้วย หลายๆ ที่จึงยกให้เป็นภาษาที่เรียนง่ายที่สุดสำหรับคนอังกฤษเลยล่ะ
ภาษานอร์เวเจียน
ทั้งภาษานอร์เวย์และภาษาอังกฤษ มีรูปแบบการเรียงคำที่คล้ายกัน รวมถึงรูปแบบของคำกริยาที่ค่อนข้างง่ายและไม่ยุ่งยากแบบอังกฤษ นอกจากนี้ระบบการเรียนการสอนของนอร์เวย์ที่มีคุณภาพเยี่ยม จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับคนที่คิดจะไปเรียนต่อนอร์เวย์
ภาษาโปรตุกีส
ตัวอย่างของการออกเสียงที่คล้ายกับภาษาอังกฤษได้แก่ การเพิ่มระดับของเสียงสูงต่ำที่ทำให้ความหมายเปลี่ยน เช่น We’re leaving now พอออกเสียงสูงก็จะกลายเป็น We’re leaving now? แต่ถึงแม้การออกเสียงจะไม่ง่ายนักในตอนแรก แต่จังหวะของการพูดก็ไม่ยากเกินไปที่คนอังกฤษจะได้ทำความเข้าใจ
ภาษาสวีดิช
หลายคำที่ภาษาสวีดิชใช้เสียงร่วมกันกับอังกฤษ นั่นรวมถึงรูปแบบ Syntax (ระดับประโยค) ที่คล้ายกัน ในส่วนของการออกเสียง ถึงแม้จะมีความยากอยู่บ้างในเสียงเฉพาะอย่าง ö หรือ å หรือ sje แต่สามารถฟังได้อย่างไม่ยากเกินไป และเริ่มเรียนรู้การออกเสียงตามได้
ภาษาอิตาเลียน
ว่ากันว่าเป็นภาษาที่โรแมนติคที่สุดในกลุ่มตระกูล Romance ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละติน เช่นเดียวกันกับภาษาสเปน อิตาลีนั้นสามารถอ่านได้หากเข้าใจภาษาอังกฤษ และมีตัวอักษรเพียง 21 ตัว ซึ่งอาจจะทำความเข้าใจง่ายกว่า นอกจากนี้สำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ เหมือนกำลังร้องเพลง อาจจะทำให้หลายคนสนุกจนไม่เบื่อในการเรียน
ภาษาเอสเปรันโต
เป็นภาษาที่ประดิษฐ์ขึ้น ถึงแม้ไม่มีประเทศใดนำไปใช้เป็นภาษาราชการ แต่ก็มีคนใช้ราว 2 ล้านคน โดยมีการระบุว่าสามารถเรียนให้เข้าใจได้ภายใน 4 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากเป็นภาษาที่คนประดิษฐ์ขึ้นมาภายหลัง เพราะฉะนั้นจึงมีรูปแบบที่ใช้ให้เข้าใจง่าย เช่น birdokanto (birdsong), akvobirdo (waterfowl), akvomelono (watermelon) เป็นต้น
ภาษาฟริเซียน
ใช้กันในชนพื้นเมืองของประเทศเนเธอร์แลนด์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาษาที่ใกล้ชิดที่สุดกับภาษาอังกฤษ ตามหลักฐานเชื่อกันว่าต้นตระกูลของฟริเซียนกับอังกฤษเป็นคนกลุ่มเดียวกัน และแยกจากกันเมื่อราวปี ค.ศ. 800 จากนั้นจึงพัฒนาภาษาไปตามแนวทางตนเอง ทำให้คนที่รู้ภาษาอังกฤษสามารถเข้าใจภาษาฟริเซียนได้ไม่ยากเลยล่ะ
มีภาษาไหนที่เพื่อนๆ ชอบกันบ้างรึเปล่าครับอิอิ ทีนี้ก็สามารถเลือกเรียนแบบต่อยอดกันได้แล้วนะครับ และถ้าได้ภาษาที่ 3 แล้ว ที่ 4 และ 5 อาจตามมาได้อีกนะครับเนี่ย…
Source: WeGoInter