ในทุกๆ ปี สภาเศรษฐกิจโลก หรือ WEF (World Economic Forum) จะจัดอันดับ และรายงานผล Global Competitiveness Report ที่คัดจากประเทศเศรษฐกิจทั่วโลก โดยการให้คะแนนจะคิดแยกออกเป็น 12 สาขา หนึ่งในนั้นก็คือด้านการศึกษา
การให้คะแนน และจัดอันดับด้านการศึกษานี้ ทาง WEF จะเจาะข้อมูลของสถาบันในประเทศนั้นๆ อย่างละเอียด จนได้ข้อสรุป 10 ประเทศ ที่มีระบบการศึกษาคุณภาพดีที่สุดในโลก ดังต่อไปนี้
อันดับที่ 10 ร่วม ประเทศบาร์เบโดส (5.6 คะแนน)
รัฐบาลของประเทศบาร์เบโดสลงทุนในการพัฒนาด้านการศึกษาของประเทศไปเป็นจำนวนมากส่งผลให้อัตราการรู้หนังสือของคนในประเทศอยู่ในระดับ 98% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในโลก
อันดับที่ 10 ร่วม ประเทศนิวซีแลนด์ (5.6 คะแนน)
เด็กนักเรียนในประเทศได้รับการศึกษาเฉลี่ย 85% โดยการศึกษาในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาในประเทศ จะเริ่มตั้งแต่อายุ 5-19 และการศึกษาภาคบังคับนั้นจะเริ่มตั้งแต่ 6-16 ปี โดยมีการเรียนการสอนในโรงเรียนของรัฐ
อันดับที่ 8 ประเทศเอสโตเนีย (5.7 คะแนน)
ที่นี่ใช้งบกว่า 4% ของประเทศลงทุนด้านการศึกษา และมีพระราชบัญญัติการศึกษาของประเทศ ประจำปี 1992 ระบุเป้าหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึกษาจะนำไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ รวมถึงการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้า
อันดับที่ 6 ประเทศไอร์แลนด์ (5.8 คะแนน)
โรงเรียนมัฐยมฯ ส่วนใหญ่เป็นของเอกชน ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล นอกจากนี้ก็ยังมีงมีโรงเรียนของรัฐ และโรงเรียนวิชาชีพให้นักเรียนได้เลือกเรียนตามความถนัด
และประเทศกาตาร์
ประเทศกาตาร์ใช้เงินลงทุนในการพัฒนาการศึกษาของประเทศเป็นจำนวนมาก เพื่อผลักดันให้การศึกษาอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก ไม่ใช่แค่เพียงพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ แต่ยังให้ทุนแก่นักเรียนในประเทศ และต่างประเทศอีกด้วย
อันดับที่ 5 ประเทศเนเธอร์แลนด์ (5.9 คะแนน)
โรงเรียนในประเทศจะเน้นการเรียนการสอนโดยไม่ให้นักเรียนมีการบ้านเยอะ เพื่อลดความเครียด และความกดดันในการเรียน โรงเรียนที่เปิดสอนในประเทศนี้ส่วนมากก็จะเป็นโรงเรียนของรัฐ
อันดับที่ 4 ประเทศสิงคโปร์ (6.1 คะแนน)
นักเรียนที่นี่สามารถทำคะแนน PISA ซึ่งเป็นคะแนนที่ใช้วัดและเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานของนักเรียนในแต่ละประเทศ ได้ค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับที่อื่น เพราะโรงเรียนสอนให้เด็กรับมือกับความกดดันจากการเรียนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
อันดับที่ 2 ประเทศเบลเยียม (6.2 คะแนน)
ที่นี่มีโรงเรียนมัธยมถึง 4 ประเภท โดยแบ่งการตามความต้องการ และความถนัดของผู้เรียนเป็นหลัก ทำให้นักเรียนที่นี่สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างตรงจุด
และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (6.2 คะแนน)
บทเรียนที่ใช้สอนจะแบ่งออกเป็นภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส หรืออิตาลี โดยการเรียนการสอนในระดับมัธยมจะแบ่งชั้นเรียนตามความสามารถของนักเรียน เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพให้มากที่สุด
อันดับที่ 1 ประเทศฟินแลนด์ (6.7 คะแนน)
ที่นี่จะไม่มีการแบ่งระดับห้องเรียนเพื่อลดการเปรียบเทียบระหว่างเด็กที่เรียนเก่ง และเรียนไม่เก่ง โรงเรียนที่นี่ยังเน้นให้การบ้านเด็กนักเรียนน้อย และไม่ค่อยมีการสอบ จะมีการทดสอบบังคับเพียงครั้งเดียวคือช่วงอายุ 16 ปีเท่านั้น
ที่มา: businessinsider