การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่รอดำเนินการนี้จะช่วยแก้ปัญหาหนี้นักศึกษาของสหรัฐฯได้หรือไม่?
จากกรณีหนี้ของนักศึกษาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในขณะนี้ได้ทะยานขึ้นไปสูงจนเกือบจะถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการชำระ ทำให้รัฐบาลต้องมองหาวิธีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
กระทรวงการศึกษาของรัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะออกกฎใหม่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถประมาณการ และเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของวิทยาลัยแต่ละแห่งได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาระหนี้ และรายได้ของผู้สำเร็จการศึกษา
เมื่อเร็วๆ นี้ มีการวิเคราะห์และถกเถียงในประเด็นนี้อย่างแพร่หลาย นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้รับกรรายงานจากสำนักข่าว Wall Street Journal
การก้าวเข้าสู่ระบบที่ขับเคลื่อนด้วยการตลาด
จากการผลักดันโดยเลขาธิการกระทรวงการศึกษา Betsy DeVos ความคิดริเริ่มนี้จะใช้ในหลักสูตรระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาทั้งหมด เพื่อเผยแพร่ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการเงินตลอดหลักสูตรสำเร็จการศึกษาของพวกเขา
แม้ว่าในขณะนี้ จะมีโรงเรียนและสถาบันหลายแห่งได้ทำการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แล้ว แต่กฎใหม่ที่จะออกมา จะมีการกำหนดข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงเรียนจะต้องระบุหนี้สินและรายได้ของนักศึกษาแต่ละสาขาให้ชัดเจน
ผู้เสนอโครงการกล่าวว่า นักเรียนในอนาคตจะมีเครื่องมือที่จำเป็นในการตัดสินใจด้านการศึกษา เมื่อเลือกระหว่างโรงเรียน และหลักสูตรที่ต้องการ
สิ่งเหล่านี้จำเป็นแน่หรือ?
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงอาจฟังดูดีเมื่อร่างโครงการบนแผ่นกระดาษ แต่ก็มีหลายวิทยาลัยคัดค้านเนื้อหาเหล่านี้ ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมทั้งข้อกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล และค่าใช้จ่ายในการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว
อีกทั้งความจริงแล้ว เงินเป็นเพียงหนึ่งในมาตรการของความสำเร็จ Tim Powers ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายช่วยเหลือนักเรียนที่สมาคมแห่งชาติของวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยอิสระกล่าวว่า
“จริงๆ แล้วมันมีความเสี่ยงที่จะทำให้นักเรียนเข้าใจผิด และอาจทำให้เกิดข้อมูลที่ไม่จริงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระยะยาวของหลักสูตรทั้งปริญญาตรี และปริญญาโท”
ช่องทางอื่นๆ อาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความโปร่งใส ในขณะที่ตัวแทนของตลาดงาน และกระบวนการจ้างงานกลับมองต่างออกไป พวกเขากล่าวว่า
“ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างจะไร้ประโยชน์ เพราะวิทยาลัยไม่ได้ทำให้คุณมีงานทำ สิ่งที่คุณเรียนรู้จากที่นั่นต่างหาก” Anthony Carnevale ผู้อำนวยการศูนย์ Georgetown University of Education กล่าว
นอกเหนือจากการช่วยเหลือนักเรียนแล้ว ข้อกำหนดใหม่ๆ ยังจะบังคับให้วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย Amy Laitinen จาก think-tank New America แนะนำว่า
“ในวิทยาลัย เงินให้กู้ยืมเป็นเงินฟรี ซึ่งทั้งหมดแทบจะไม่มีความเสี่ยง สถาบันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุน และในบางกรณียังได้รับเงินจากรัฐบาลกลางอีกด้วย ซึ่งพวกเขาควรจะมีการจัดการบัญชี เพื่อให้สามารถบริหารเงินเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ”
ในขณะนี้ มีบางสถานศึกษาเปิดให้นักศึกษาเรียนฟรี หวังช่วยแก้วิกฤตินี้
อ่านต่อได้ที่ : NYU เปิดให้นักศึกษาแพทย์เรียนฟรี หวังแก้ปัญหาหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า นโยบายที่ถูกออกแบบมาใหม่เกี่ยวกับข้อกำหนดเหล่านี้จะส่งผลกับการเรียนต่อของนักศึกษาต่างชาติหรือไม่
ที่มา: masterstudies